ขุดรอบสองต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก นำจากยอดเขาช่องกระจกไปอนุบาลเพื่อฟื้นฟูสภาพที่ศูนย์การเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ จ.ประจวบคีรีขันธ์
จากกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์สั่งสอบข้อเท็จจริงภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่อายุ 60 ปี บริเวณจุดชมวิวด้านทิศตะวันออกด้านหลังป้ายแสดงประวัติที่มีพระนามาภิไธยย่อ ภปร และ สก บนเขาช่องกระจก ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ถูกตัดโค่นสภาพเหลือแต่ตอ สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีรักธาตุไว้ในสถูปเจดีย์ด้านทิศเหนือ และทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นเขาช่องกระจก เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2501
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายคงศักดิ์ มีแก้ว รักษาการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยการจัดการป่าไม้ สำนักวิจัย กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้นำซากต้นพระศรีมหาโพธิ์จากยอดเขาช่องกระจกไปทำการอนุบาลเพื่อฟื้นฟูสภาพที่บริเวณด้านหน้าศูนย์การเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถนนสวนสน – อ่าวน้อย ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการประกอบพิธีบวงสรวงเพื่อขอขมา จากนั้นจะนำลงดินที่เตรียมไว้พร้อมใช้ตาข่ายคลุมเพื่อรักษาความชื้น
นายคงศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับความหวังสุดท้ายทีมนักวิชาการจะนำเนื้อเยื่อที่ยังมีชีวิตเพาะบ่ม ทำการรักษาเพื่อป้องกันเชื้อรา มีความหวังว่าจะมีแตกตาขึ้นใหม่ จากนั้นจะพัฒนาเป็นลำต้นใหม่ต่อไปในอนาคต แม้ว่าจะมีโอกาสน้อยแต่ยังมีหวัง เนื่องจากยังมีเนื้อเยื่อบางส่วนที่ยังมีชีวิต แต่เหลือน้อยมากคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือนถึงจะทราบผล
“สำหรับรากที่เหลือภายในดินบริเวณโคนต้นเดิมทีมนักวิชาการจะดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนต้นพันธ์ขนาดเล็กที่งอกในซอกหินใกล้ต้นเดิมได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบเพื่อขอดูแล จากนั้นจะมีการทำมาสเตอร์ดีเอ็นเอของต้นแม่ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับต้นพันธ์ขนาดเล็กว่าเป็นต้นที่เกิดจากเมล็ดของต้นเดิมหรือไม่ ซึ่งต่อไปอาจพิจารณานำมาปลูกทดแทนต้นเดิม สำหรับต้นศรีมหาโพธิ์เป็นต้นไม้มีความเสี่ยงกับภาวะทรุดโทรมน้อยมาก แต่บนบอดเขาช่องกระจกระบบรากถูกจำกัดประกอบกับผลกระทบจากสภาวะภัยแล้งที่ผ่านมา ล่าสุดพบว่าระบบรากสามารถพัฒนาได้แม้จะเป็นความหวังที่น้อยที่สุดแต่ทุกฝ่ายยังมีความหวังจากการใช้เทคโนโลยีทันสมัยทุกด้าน ผมยืนยันว่าจะดูแลรักษาต้นไม้ต้นนี้ เหมือนรักษาพ่อแม่ผมที่เจ็บป่วย” นายคงศักดิ์ กล่าว
ด้านนายวิวัฒน์ วันกุมภา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯเปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯยังไม่สามารถหาข้อสรุปว่ามีหน่วยงานรัฐใดเป็นผู้ดูแลพื้นที่ หรือมอบพื้นที่บนเขาช่องกระจกให้วัดธรรมิการามวรวิหาร พระอารามหลวง ในฐานะนิติบุคคลเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ภูเขาที่มีความชันเกิน 35 องศา และจากการตรวจข้อมูลย้อนหลังไม่พบหนังสือราชการแจ้งมอบที่ดินให้วัดเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด จึงขอเรียนว่าปัจจุบันที่ดินบนเขาช่องกระจกไม่ได้อยู่ในความครอบครองของวัด แต่จากการสอบถามพระราชสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติ เจ้าอาวาสวัดยืนยันว่าเมื่อหลายปีก่อนมีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดรายหนึ่งแจ้งด้วยวาจาให้วัดดูแลพื้นที่บนช่องกระจกเนื่องจากมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและมีการก่อสร้างที่พักสงฆ์ ทั้งนี้หากมีหน่วยงานใดแจ้งความดำเนินคดีกับวัด หน่วยงานตามกฎหมายที่มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่เขาช่องกระจกไม่จำเป็นต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทราบล่วงหน้า และล่าสุดได้รายงานข้อเท็จจริงให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทราบกรณีการตัดต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดธรรมิการามไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ขณะที่นายสวง สุดประเสริฐ หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่พบเอกสารการครอบครองที่ดินเพื่อยืนยันว่ามีหน่วยงานใดอนุญาตให้วัดธรรมิการามใช้ที่ดินบนเขาช่องกระจก หลังจากที่ผ่านมาวัดได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวมานาน สำหรับการใช้งบประมาณปรับปรุงภูมิทัศน์บนยอดเขาช่องกระจกที่หลายฝ่ายมีความเห็นว่าอาจจะมีผลกระทบกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ ขอให้สอบถามจากสำนักงานโยธาธิการจังหวัดว่า ก่อนการใช้งบประมาณได้ขออนุญาตใช้พื้นที่จากหน่วยงานใดหรือไม่ฃ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สอบด่วนรู้ผลใน 48 ชม.โค่นต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก
พระเอกรุ่นเก๋ากังขาตัดต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก
ผู้ว่าฯทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษตัดต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก
ทำพิธีนำตอต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกกลับสู่จุดเดิม
เจ้าอาวาสแจงตัดต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก