ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์แถลงยังไม่แจ้งความใคร ปมตัดต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก เผยรายงานการกระทำของเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามให้เจ้าคณะภาค 14-15 ทราบแล้ว สั่งผู้เกี่ยวข้องสำรวจ จัดทำรายงานต้นไม้ทรงปลูกในจังหวัดทั้งหมดเพื่อวางแผนในการดูแลรักษาต่อไป
จากกรณีต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกอายุ 60 ปี บริเวณจุดชมวิวด้านทิศตะวันออกด้านหลังป้ายแสดงประวัติที่มีพระนามาภิไธยย่อ ภปร และ สก บนเขาช่องกระจก ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ถูกตัดโค่นถอนรากถอนโคน สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในสถูปเจดีย์ด้านทิศเหนือ และทรงปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นเขาช่องกระจก วันที่ 12 มิ.ย. 2501
เมื่อวันที่ 4 ก.ย.นายพัลลภ สิงหเสนี ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงผลสรุปจากการประชุมคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกถูกตัดโค่นที่ห้องประชุมหว้ากอชั้น 2 ศาลากลางจังหวัด โดยมี รอง ผวจ. ปลัดจังหวัด ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวน้าสำนักงานโยธาธิการจังหวัด ทั้งนี้ ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้ใดที่ตัดโค่นต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงเจตนา สำหรับการร้องทุกข์จะต้องมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน รวมทั้งการดำเนินการสอบข้อเท็จจริงกรณีหน่วยงานราชการที่ใช้งบประมาณก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบนยอดเขาช่องกระจกว่าขออนุญาตใช้จากหน่วยงานใด เพื่อรายงานให้กระทรวงมหาดไทยรับทราบหลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอใช้พื้นที่จากวัดธรรมิการาม เนื่องจากเชื่อว่าวัดเป็นผู้ครองครองพื้นที่ดังกล่าว
ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้รายงานการกระทำของเจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม กราบนมัสการพระพรมมุนี ผู้ปกครองคณะสงฆ์เจ้าคณะภาค 14 -15 ทราบแล้วว่าเป็นการกระทำที่ไม่บังควร ขาดความละเอียดรอบคอบที่พระสมณศักดิ์พึงมีพึงปฏิบัติ สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ถูกตัดโค่นจังหวัดเห็นว่าเป็นความบกพร่องของทุกฝ่าย จึงทำหนังสือถึงสำนักพระราชวังขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว และสั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องสำรวจและจัดทำรายงานต้นไม้ทรงปลูกในจังหวัดทั้งหมดเพื่อวางแผนในการดูแลรักษา
นายพัลลภ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เร่งพิสูจน์ที่ดินธรณีสงฆ์ในปัจจุบันของวัดธรรมิการรามให้ถูกตามตามกฎหมาย หลังจากมีการก่อตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.2465 พร้อมสั่งการให้ นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รอง ผวจ.เป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงหาเพื่อแสวงหาข้อมูลหลักฐานครอบครองที่ดินของวัดธรรมิการาม ก่อนมี พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 หรือพื้นที่ป่าประเภทใด ให้กรรมการสรุปให้เสร็จภายใน 15 วันโดยประสานกับกรมป่าไม้ โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“หลังจากคณะกรรมการสอบสวนชุดแรกยืนยันว่าวัดธรรมิการามไม่ได้ขอใช้พื้นที่เพื่อทำประโยชน์บนเขาข่องกระจกเพียงแต่อ้างว่าวัดได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นหลังจากมีการก่อสร้างเสนาสนะบนยอดเขา ทั้งนี้หากคณะกรรมการสรุปว่ามีบุคคลหรือนิติบุคคลใดกระทำผิดในพื้นที่ดังกล่าวก็จะดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนการฟื้นฟูสภาพตอของต้นพระศรีมหาโพธิ์ถูกขุดขณะนี้มีแนวโน้มค่อนข้างดี สำหรับกิ่งต้นไม้ทั้งหมดจะนำไปเก็บรักษาอย่างสมพระเกียรติ” นายพัลลภ กล่าว