“วิเชียร”ลั่นพฤติกรรม “เปรมชัย”ไม่ยำเกรงกฎหมาย (คลิป)

“วิเชียร”ชี้กรณี “เปรมชัย” มาแบบเปิดเผย แสดงตัว ตั้งแคมป์พักแรม มีอาวุธเข้ามา ไม่ใช่การกระทำของชาวบ้านทั่วไป เป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง แฉมีการเจรจาต่อรองหลังจับกุม ลั่นทำตามหน้าที่ไม่ต้องการเงิน ไม่กลัวถูกย้าย ด้าน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งอธิบดีกรมอุทยานฯเป็นคณะกรรมการดูแลคดี พร้อมชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้นำทีมจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน เปิดเผยว่า มาทำหน้าที่เป็นเดือนที่ 12 แล้วไม่เคยเห็นนายเปรมชัยมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เมื่อถามถึงพฤติกรรมคนเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่า นายวิเชียร กล่าวว่า ที่ผมเคยเห็นคนที่ลักลอบล่าสัตว์ป่าจะต้องแอบเข้ามา แอบทำ ซ่อนพรางตัวไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเจอ แต่กรณีนี้มาแบบเปิดเผย แสดงตัว ตั้งแคมป์พักแรม มีอาวุธเข้ามา ไม่ใช่การกระทำของชาวบ้านทั่วไป เป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง

นายวิเชียร กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตักเตือนนายเปรมชัยและคณะให้ออกจากพื้นที่ แต่ก็ไม่มีการย้ายออก โดยอ้างว่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการเดินป่าช่วงกลางคืน จึงเชื่อว่ามีความผิดปกติ และเมื่อมีเสียงปืนดังขึ้น เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม มีความพยายามเจรจาต่อรอง ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธ และยืนยันว่าไม่มีใครต้องการได้เงินแม้แต่บาทเดียว ยืนยันทำหน้าที่ตามกฏหมายหากจะมีการฟ้องกลับกรมอุทยานฯก็มีฝ่ายกฎหมายต่อสู้อยู่แล้ว และไม่เกรงกลัวว่าจะถูกย้ายออกจากพื้นที่ ประกอบกับกำลังใจจากรัฐมนตรี ทุกฝ่ายรวมถึงประชาชน ส่วนผลของคดีจะออกมาเป็นอย่างไร ตนเองมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอบคุณคนไทยทั้งประเทศที่ให้กำลังใจ แต่การปฏิบัตงานในครั้งนี้ตนเองไม่ได้ทำคนเดียว มีทีมงานอีกกว่า 200 ชีวิตที่ช่วยปกป้องผืนป่าไว้

นายวิเชียร กล่าวด้วยว่า การปฏิบัติงานในพื้นที่ยังขาดแคลนเครื่องมือในการตรวจสอบวัตถุว่าเป็นโลหะหรือวัตถุชนิดใดซึ่งหากมีใช้จะทำให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกาซึ่งบทลงโทษของกฎหมายฉบับใหม่จะสูงขึ้นเชื่อว่าจะทำให้บุคคลที่คิดจะทำความผิดมีความเกรงกลัวมากยิ่งขึ้น