ผลพิสูจน์ยัน “เสือดำเพศเมีย” ในหม้อซุป "ศรีวราห์" มั่นใจเอาผิด "เปรมชัย" พร้อมพวกได้แน่นอน ด้านกรมอุทยานฯ แจ้งดำเนินคดีภรรยาเจ้าสัวเปรมชัย ครอบครองงาช้างแอฟริกาผิดกฎหมาย
ความคืบหน้าคดีเจ้าสัวเปรมชัย ล่าสุด เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เข้าแจ้งความกับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. เพื่อดำเนินคดีกับนางคณิตา วิทยานันท์ ภรรยา นายเปรมชัย ในความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งเป็นไป ตามมาตรา 19 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดยมีการกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท
ภายหลังผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเองาช้าง จำนวน 4 กิ่ง หรือ 2 คู่ ที่พบในบ้านของนายเปรมชัย พบว่าเป็นงาช้างแอฟริกา โดยจากการตรวจสอบพบว่านางคณิตา เป็นผู้นำมาขึ้นทะเบียนกับกรมอุทยานฯ และได้มีการนำหลักฐานของงาช้าง ที่อ้างว่าเป็นงาช้างบ้านมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 10 วัน หากไม่มาจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ถ้าไม่มาอีกจะออกหมายจับตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ได้รับรายงานผลการตรวจจากทางนิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯ ว่าชิ้นเนื้อที่พบในหม้อซุปและกระดูกท่อนขา จำนวน 2 ชิ้น ลำไส้ และเส้นขน เป็นของเสือดำจริง โดยเป็นเสือดำเพศเมีย
อีกทั้งจากการตรวจสอบวัตถุพยาน เช่นมีดอีโต้ มีดทำครัว มีดเหน็บ เขียงพลาสติก พบว่าบางชิ้นมีดีเอ็นเอของเสือดำเพศเมีย ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่พบในหม้อซุปด้วย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยืนยันว่า คดีนี้มีหลักฐานทั้งผลตรวจอาวุธปืน งาช้าง และซากสัตว์ป่า ชัดเจน จนสามารถเอาผิดกับนายเปรมชัยได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถเอาผิดกับนางคณิตา เรื่องครอบครองงาช้าง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เอกศรีวราห์ ยังบอกด้วยว่า ไม่รู้สึกท้อใจหลังชาวเน็ต มีการตั้งแฮชแท็ก #เราไม่เอาศรีวราห์ เพราะทำงานกินเดือนจากภาษีประชาชนทำตามกฎหมาย