“ศรีสุวรรณ”แนะเรียกเงิน “เปรมชัย” 300-500 ล้านฆ่าเสือดำ

2018-03-23 12:15:58

“ศรีสุวรรณ”แนะเรียกเงิน “เปรมชัย” 300-500 ล้านฆ่าเสือดำ

Advertisement

“ศรีสวุรรณ”คัดค้านกรมอุทยานฯเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจาก “เปรมชัย”กรณีล่าเสือดำ 3 ล้านบาท น้อยเกินควร ระบุไม่น่าจะต่ำกว่า 300-500 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ เรื่อง คัดค้านกรมอุทยานฯเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเสือดำน้อยเกินควร ระบุว่า จากกรณีที่อัยการให้เพิ่มการประเมินค่าเสียหายทางแพ่งต่อระบบนิเวศในคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี กับคณะของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเว๊ลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน)และพวกรวม 4 คน ตามมาตรา 97 แห่ง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535 เบื้องต้นกรมอุทยานแห่ง ชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประเมินค่าเสียหายทางแพ่งไว้ จำนวน 3,034,612 บาทนั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตัวเลขการประเมินดังกล่าว ไม่น่าจะสอดคล้องกับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงจากการที่กรมอุทยานแห่งชาติฯต้องสูญเสียเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าตามบัญชีหมายเลข 1 ของอนุสัญญาไซเตสและเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายากและมีความเสี่ยงของการสูญพันธุ์สูง ไม่สามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ง่าย ๆ เพราะการเกิดขึ้นของเสือดำเป็นการเกิดขึ้นมาในลักษณะของการกลายพันธุ์ หรือการผ่าเหล่าของเสือดาว ดังนั้นจะนำมาเปรียบเทียบกับการซื้อขายแยกเป็นตัวๆ ตามหลักคิดของการซื้อขายสัตว์ทั่วไปนั้นไม่ได้





นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า การที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯต้องสูญเสียเสือดำเพศเมียไป 1 ตัวย่อมทำให้เสียสมดุลทางนิเวศในพื้นที่ดังกล่าวไปเป็นเวลานานกว่า 5 ปีจึงจะทำให้สมดุลกลับคืนมา เพราะเสือดำเป็นสัตว์นักล่าอยู่ชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหารการขาดเสือดำไปจะทำให้สัตว์ถูกล่า เช่น กระต่าย หมูป่า กวาง เจริญพันธุ์ได้มากขึ้น ซึ่งมีโอกาสที่จะไปทำลายนิเวศโดยรอบให้เสียสมดุลได้ และอาจลุกลามมาทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านด้านนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้หากพืชอาหารของสัตว์ถูกล่ามีไม่เพียงพอ อีกทั้งเสือดำเพศเมียที่ถูกฆ่าอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ย่อมมีโอกาสที่จะขายพันธุ์ได้ในรุ่นลูก รุ่นหลาน ได้อีกมากอาจถึง 100 เลยก็ได้ซึ่งจะทำให้มูลค่าของเสือดำ 1 ตัวมากกว่า 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าของการผลิตเสือลายเมฆที่สวนสัตว์เขาเขียว ตามโครงการความร่วมมือในการอนุรักษ์เสือลายเมฆในประเทศไทย ร่วมกับภาคี(Thailand Clouded Leopard Consortium) ประกอบด้วย องค์การสวนสัตว์ ร่วมกับหน่วยงานจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แก่ สถาบันสมิธโซเนียน สวนสัตว์แนชวิลล์ และสวนสัตว์พอยท์เดอไฟแอนส์ รวมถึงคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว จะพบว่ามีค่าใช้จ่ายมากกว่า 500 ล้านบาทกว่าที่จะผลิตเสือลายเมฆให้ได้หนึ่งคู่ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวกรมอุทยานแห่งชาติฯสามารถขอข้อมูลมาประกอบคดีได้จากองค์การสวนสัตว์ฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดีในกรณีทางแพ่งได้ดีกว่า

“สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงใคร่เรียกร้องต่อกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้เปลี่ยนหลักคิดทางแพ่งในการเรียกค่าเสียหายจากการฆ่าเสือดำดังกล่าวเสียใหม่ซึ่งไม่น่าจะต่ำกว่า 300-500 ล้านบาท ซึ่งเป็นหลักคิดค่าเสียหายในทางการลงโทษที่สากลใช้กัน ทั้งนี้ ไม่ต้องเกรงว่าจะเป็นบรรทัดฐานที่จะไปกระทบต่อบุคคลอื่น ๆ ที่อาจจะขับรถไปชนเสือดำตาย หรือคนยากคนจนที่อาจจะไปล่า เพราะการฆ่าเสือดำนั้นกฎหมายจะเอาผิดขั้นสูงสุดก็แต่เฉพาะคนที่มีเจตน ฆ่าเท่านั้น ทั้งนี้กรณีดังกล่าวหากกรมอุทยานฯแห่งชาติไม่ทบทวนวิธีคิดค่าเสียหายดังกล่าวเสียใหม่ สมาคมฯก็จำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลในการฟ้องกรมอุทยานฯเพื่อหาข้อยุติในทางกฎหมายต่อไป”นายศรีสุวรรณ กล่าว