แม่น้องอินอัญเชิญดวงวิญญาณลูกสาวไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เผย "พ่อน้องอิน" มีลางสังหรณ์บางอย่างก่อนหน้าเกิดเหตุ เตือนน้องไปแล้วแต่ไม่ได้บอกตน ยากจะทำใจเพราะสูญเสียลูกไปไม่มีวันกลับคืน ...
นางลัดดา เชิดชูบุพการี มารดาของน้องอิน พร้อมแฟนหนุ่ม และเครือญาติ เดินทางไปยัง รพ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อรับร่างของน้องอิน ก่อนจะไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ บริเวณจุดเกิดเหตุบนถนนกาญจนาภิเษก ตะวันตกฝั่งขาออก เส้นทางต่างระดับบางปะอิน ก่อนถึงสะพานข้ามทางรถไฟเชียงราก
โดยสีหน้าของแม่น้องอินยังมีอาการโศกเศร้า และยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไป ซึ่งแม่น้องอินไม่ขอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน แต่เปิดเผยข้อมูลเพียงว่า ก่อนหน้านี้คุณพ่อเคยเตือนน้องอินให้ระวังตัวแล้วเพราะรู้สึกสังหรณ์อะไรบางอย่าง แต่เรื่องนี้พ่อน้องอินไม่ได้บอกตน ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ยังนอนไม่หลับ จึงต้องทานยานอนหลับเพื่อพักผ่อน ส่วนศพของน้องอิน จะไม่ขอผ่าชันสูตร เนื่องจากไม่อยากให้ลูกมีอาการเจ็บปวดอีก
ซี่งหลังจากเสร็จพิธีแล้ว จะนำร่างของน้องอินไปตั้งสวดอภิธรรมและรดน้ำศพตามศาสนา ที่วัดราชสิงขร ย่านเจริญกรุง ในช่วงเย็นวันนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ ประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นทางลงเนิน หากมาด้วยความเร็ว รถอาจจะพลิกได้ แต่สำหรับรถน้องอิน เสียหลักตั้งแต่ 50 เมตร (วัดจากจุดเกิดเหตุ) โดยรถพุ่งลงป่าหญ้า และเข้าชนต้นไม้อย่างรุนแรง กระทั่งล้อหน้ารถยนต์ทั้ง 2 ล้อ และอะไหล่ หลุดกระจายไปทั่ว
สำหรับแนวทางการสืบสวน ตอนนี้ตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ ง่วง เนื่องจากขับรถมาจากเมืองพัทยา ใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าจะถึงจุดเกิดเหตุ ขณะขับรถ มีอาการเมาสุราหรือไม่ รวมถึงความเร็วของรถด้วย เนื่องจากถนนเป็นทางตรง ไม่มีหลุมและบ่อ และยังไม่ทราบว่าน้องอิน ใช้ความเร็วเท่าไหร่
นอกจากนี้ยังไม่ทราบจุดประสงค์ว่า ที่เดินทางมาพระนครศรีอยุธยา น้องอินมาบ้านใคร ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงโทรศัพท์ของน้องอินขณะนี้ยังไม่พบ ซึ่งต้องรอทางกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เช่นเดียวกับกรณีที่ระบบถุงลมนิรภัยรถบีเอ็มดับเบิลยู เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่ทำงานนั้น ต้องรอทางบริษัทบีเอ็มดับเบิลยูประเทศไทย จำกัด มาให้ปากคำด้วย พร้อมย้ำว่า หากรถคันนี้ไม่พุ่งชนต้นไม้คงไม่เกิดการสูญเสียขึ้น