สาวญี่ปุ่นโร่แจ้ง ตร.เงินหาย 3 ล้านเยนนั่งเครื่องมาไทย

2018-04-17 09:40:32

สาวญี่ปุ่นโร่แจ้ง ตร.เงินหาย 3 ล้านเยนนั่งเครื่องมาไทย

Advertisement

สาวญี่ปุ่นโร่แจ้งความตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ้างเงินหายกว่า 3 ล้านเยน หลังโหลดขึ้นเครื่องการบินไทย พร้อมกระเป๋าเดินทางมาลงสุวรรณภูมิ ด้านตำรวจตรวจสอบแล้วยังไม่พบสิ่งผิดปกติ รอผลตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอ

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หญิงสาวชาวญี่ปุ่น วัย 49 ปี (สงวนชื่อ) ซึ่งเป็นผู้จัดการนางแบบสาวชาวญี่ปุ่น ได้เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ หลังเดินทางมาจากสนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเที่ยวบิน TG 661 การบินไทย มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา และพบว่ากระเป๋าสตางค์จำนวน 2 ใบ ที่ใส่มาในกระเป๋าเดินทาง ภายในมีเงินสดสกุลเยน รวมแล้ว 3 ล้านเยน หรือประมาณกว่า 870,000 บาท ได้หายไป



โดยผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นรายนี้สื่อสารภาษาไทยได้เนื่องจากเคยอยู่เมืองไทยมาก่อน เปิดเผยว่า ตนและน้องสาวเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับนำเงินสดจำนวน 3 ล้านเยนใส่ในกระเป๋าใบเล็กสีฟ้า พร้อมกับกล้องถ่ายรูปจำนวน 1ตัว ใส่มาในกระเป๋าเดินทางใบเล็กสีน้ำเงิน เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อมาทำศัยกรรมที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งมีการนัดหมอไว้แล้ว จึงเดินทางมาจากสนามบินฮาเนดะ ตอนแรกจะนำกระเป๋าสัมภาระที่มีเงินสดและทรัพย์สินเก็บอยู่ติดตัวขึ้นเครื่องมาด้วย แต่พนักงานของสายการบินแจ้งว่ามีผู้โดยสารจำนวนมากและไม่มีที่ว่างเพียงพอที่จะนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนกล่องเก็บสัมภาระและแนะนำให้โหลดมาใต้เครื่อง ด้วยความรีบจนลืมว่ามีเงินสดอยู่จึงไม่ได้เอาออก จนกระทั่งมาถึงสุวรรณภูมิ ได้เปิดกระเป๋าดูก็พบว่ากระเป๋า 2 ใบที่ใส่กล้องและเงินสดได้หายไปจึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ในวันนี้ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นเงินที่สำคัญมากสำหรับตนเองเนื่องจากเป็นเงินที่เตรียมมารักษาและผ่าตัดทำศัยกรรมให้กับนางแบบที่ตนดูแลอยู่




ด้าน พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า จากการตรวจสอบขั้นตอนการทำงานตามระบบมาตรฐานที่วางไว้ทั้งของสนามบินสุวรรณภูมิและสายการบิน แล้วไม่พบสิ่งปกติใด ขณะเดียวกันได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บดีเอ็นเอ ในกระเป๋าทุกใบของผู้เสียหายแล้ว โดยเฉพาะภายในกระเป๋า เพื่อใช้พิสูจน์ลายนิ้วมือแฝงว่าตรงกับพนักงานขนถ่ายสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิรายใดหรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ โดยตนมั่นใจในระบบของสายการบินและมาตรฐานของสนามบิน ขณะที่การประสานงานทางสนามบินต้นทางตรวจสอบไม่พบสิ่งปกติเช่นกัน คงต้องรอผลการตรวจสอบดีเอ็นเอ ซึ่งจะจะเร่งติดตามผลการตรวจดีเอ็นเอให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้คลี่คลายคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว