“ศรีสุวรรณ”ร้องเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้า“บางบัว”เป็น “ศรีปทุม”

“ศรีสุวรรณ”จ่อร้องนายกฯสอบ รฟม.เปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้า “บางบัว” เป็น “ศรีปทุม”ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ เอื้อให้กับมหาวิทยาลัยเอกชน

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุว่า ด้วยสมาคมฯได้รับการร้องเรียนจากชาวชุมชนบางบัว เขตจตุจักร กทม.ว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ใช้อำนาจโดยพละการด้วยการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) จากเดิมที่เคยตั้งชื่อไว้ว่า “สถานีบางบัว” เปลี่ยนไปเป็น “สถานีศรีปทุม” ตามที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมร้องขอ โดยที่ชาวชุมชนบางบัวไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน ทั้ง ๆ ที่ชื่อบางบัวเป็นสถานที่ที่เป็นชุมชนใหญ่มีประวัติในเชิงภูมินิเวศน์ยาวนานมานับ 100 ปี มีหน่วยงานราชการและเอกชนใช้ชื่อบางบัวประกอบเป็นชื่อหน่วยงาน องค์กรของตนมากมาย เช่น วัดบางบัว (สร้างปี 2380) รร.บางบัว การเคหะบางบัว ตลาดบางบัว แฟลตบางบัว ท่าเรือบางบัว เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งเหมาะสมดีอยู่แล้ว มากกว่าที่จะใช้ชื่อของมหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งเขามาตั้งในพื้นที่ดังกล่าวไม่นาน

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า การใช้อำนาจดังกล่าวของ รฟม.น่าจะส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ เป็นการเอื้อให้กับมหาวิทยาลัยของเอกชน ที่ดำเนินธุรกิจเพื่อกำไรและผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรืออาจเข้าข่ายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 อีกด้วย เพราะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ2535 ประกอบ พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 เนื่องจากการใช้ชื่อ “สถานีบางบัว” ปรากฏอยู่ในเอกสารเผยแพร่เป็นการทั่วไปในการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) แล้ว แต่แล้วพอมหาวิทยาลัยศรีปทุมทำเรื่องขอให้เปลี่ยนไปใช้ชื่อศรีปทุมแทน รฟม.กลับยินยอมให้เปลี่ยนได้โดยง่าย โดยไม่มีการเปิดเวทีรับฟังเสียงคนบางบัว หรือผู้มีส่วนได้เสียและแก้ไข EIA ตามระเบียบของกฎหมายแต่อย่างใด