ผู้นำเกาหลีเหนือ นายคิม จอง อึน และประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ หลังจัดการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวานนี้ (27 เมษายน)
โดยการประกาศดังกล่าวของ 2 ผู้นำเกาหลี มีขึ้นหลังการเจรจากันที่หมู่บ้านปันมุนจอม เขตปลอดทหาร บริเวณพรมแดน นอกจากนี้ ผู้นำทั้ง 2 ยังตกลงร่วมกันที่จะผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงสงบศึก ซึ่งยุติสงครามเกาหลีในปี 2496 เป็นสนธิสัญญาสันติภาพในปีนี้ การประชุมสุดยอดครั้งนี้ มีขึ้นไม่กี่เดือนหลังวิวาทะเหมือนพร้อมจะทำสงครามจากผู้นำเกาหลีเหนือ
คิม จอง อึน ซึ่งกล่าวในงานเลี้ยงอาหารหลังการเจรจา ชื่นชมความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น “พวกเราได้อำลาความสัมพันธ์ที่ถูกแช่แข็งระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ ซึ่งมันเป็นวันคืนที่ฝันร้าย และเราได้ประกาศการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นให้โลกได้รับทราบแล้ว”
ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการปลดอาวุธนิวเคลียร์จะทำให้สำเร็จได้อย่างไรนั้น ยังไม่ได้มีความชัดเจน และนักวิเคราะห์จำนวนมาก ก็ยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่เกี่ยวกับความกระตืนรือร้นที่ชัดเจนของเกาหลีเหนือในการทำตามคำมั่นสัญญา ปัญหาหนึ่งสำหรับเกาหลีเหนือ คือการรับประกันด้านความมั่นคงจากสหรัฐ, เกาหลีใต้และญี่ปุ่น และการประจำการทหารของสหรัฐในทั้ง 2 ประเทศนี้ด้วย
ข้อตกลงระหว่าง 2 เกาหลีก่อนหน้า ก็มีคำมั่นสัญญาเหมือนกันนี้ แต่ในเวลาต่อมาก็ล้มเลิกไป หลังเกาหลีเหนือหันมาทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ และเกาหลีใต้เลือกประธานาธิบดีที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมมากขึ้น
คิม จอง อึน กล่าวว่า ผู้นำ 2 คน ตกลงร่วมกันที่จะทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “ประวัติศาสตร์เลวร้ายซ้ำรอย” เขาบอกว่า มันอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรง, ความยากลำบากและความผิดหวังบ้าง แต่ชัยชนะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่เจ็บปวด
ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่ 2 ผู้นำตกลงเห็นชอบร่วมกันในแถลงการณ์ร่วม ประกอบด้วย
การยุติ “การกระทำที่เป็นปรปักษ์” ระหว่างกัน
เปลี่ยนแปลงเขตปลอดทหาร (DMZ) ซึ่งแบ่งแยกประเทศ ให้เป็น “เขตสันติภาพ” (peace zone) ด้วยการเลิกการกระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อ
ลดอาวุธในภูมิภาคเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดทางทหาร
ผลักดันการเจรจา 4 ฝ่าย ที่มีสหรัฐและจีน ร่วมด้วย
จัดงานรวมญาติที่พลัดพรากจากกันเพราะสงคราม
เชื่อมโยงและปรับปรุงทางรถไฟและถนนหนทางข้ามพรมแดนให้ดีขึ้น
ร่วมการแข่งขันกีฬาเป็นทีมเดียวกันในการแข่งขันรายการต่าง ๆ ซึ่งรวมทั้งเอเชียน เกมส์ด้วย
พันธสัญญาในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ได้อ้างถึงอย่างชัดเจนว่า เกาหลีเหนือจะหยุดกิจกรรมนิวเคลียร์ แต่พูดถึงเป้าหมายของการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ แถลงการณ์ร่วมบอกด้วยว่า 2 ประเทศยังได้ตกลงที่จะขอการสนับสนุนจากนานาชาติเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ในเวลาต่อมา รัฐบาลจีนก็ออกมาชื่นชมความมุ่งมั่นตั้งใจทางการเมืองและความกล้าหาญของผู้นำ 2 ประเทศ และบอกว่า จีนหวังว่า แรงผลักดันดังกล่าวยังคงอยู่ต่อไป ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ก็ร่วมแสดงความยินดีต่อข่าวดังกล่าว พร้อมทวิตข้อความว่า “สิ่งดี ๆ กำลังเกิดขึ้น”
คิม มีกำหนดพบหารือกับทรัมป์ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ ทรัมป์กล่าวในกรุงวอชิงตันว่า การประชุมจะเกิดขึ้น 1 ใน 2 ประเทศ ที่กำลังพิจารณาอยู่ และให้คำมั่นว่า เขาจะไม่ตกเป็นเบี้ยของผู้นำเกาหลีเหนือแน่นอน “เราจะมาแก้ปัญหา และหากเราทำไม่ได้ เราจะเดินออกจากห้องประชุม” ทรัมป์กล่าว
ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐคนใหม่ ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ ได้เดินทางไปเจรจากับคิม อย่างลับ ๆ ในกรุงเปียงยาง กล่าวว่า ความประทับใจของเขาคือ นายคิม จริงจังกับการบรรลุข้อตกลง