ย้อนอดีตจนสู่ปัจจุบัน สันติภาพเกิดขึ้นแล้ว
เป็นครั้งแรกของคิม จอง-อึน ที่จะตามรอยเท้าพ่อ คิม จอง-อิล หารือกับผู้นำจากฝั่งใต้ โดยคิม จอง-อิล ผู้เป็นบิดาเคยพบหารือกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ 2 ครั้ง ครั้งแรกประชุมร่วมกับนายคิม แด-จุง ในปี 2543 และอีกครั้งกับนายโรห์ มู-ฮุน ในปี 2550
ผู้นำเกาหลีเหนือ นายคิม จอง อึน และประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ หลังจัดการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวานนี้ (27 เมษายน) คิม จอง อึน ซึ่งกล่าวในงานเลี้ยงอาหารหลังการเจรจา ชื่นชมความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น “พวกเราได้อำลาความสัมพันธ์ที่ถูกแช่แข็งระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ ซึ่งมันเป็นวันคืนที่ฝันร้าย และเราได้ประกาศการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นให้โลกได้รับทราบแล้ว” คิม จอง อึน กล่าวว่า ผู้นำ 2 คน ตกลงร่วมกันที่จะทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “ประวัติศาสตร์เลวร้ายซ้ำรอย” เขาบอกว่า มันอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรง, ความยากลำบากและความผิดหวังบ้าง แต่ชัยชนะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่เจ็บปวด ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่ 2 ผู้นำตกลงเห็นชอบร่วมกันในแถลงการณ์ร่วม ประกอบด้วย
-ร่วมการแข่งขันกีฬาเป็นทีมเดียวกันในการแข่งขันรายการต่าง ๆ ซึ่งรวมทั้งเอเชียน เกมส์ด้วย
การปลดนิวเคลียร์ มาดูปฏิกริยาจากนานาชาติ ในเวลาต่อมา รัฐบาลจีนก็ออกมาชื่นชมความมุ่งมั่นตั้งใจทางการเมืองและความกล้าหาญของผู้นำ 2 ประเทศ และบอกว่า จีนหวังว่า แรงผลักดันดังกล่าวยังคงอยู่ต่อไป ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ก็ร่วมแสดงความยินดีต่อข่าวดังกล่าว พร้อมทวิตข้อความว่า “สิ่งดี ๆ กำลังเกิดขึ้น” คิม มีกำหนดพบหารือกับทรัมป์ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ ทรัมป์กล่าวในกรุงวอชิงตันว่า การประชุมจะเกิดขึ้น 1 ใน 2 ประเทศ ที่กำลังพิจารณาอยู่ และให้คำมั่นว่า เขาจะไม่ตกเป็นเบี้ยของผู้นำเกาหลีเหนือแน่นอน “เราจะมาแก้ปัญหา และหากเราทำไม่ได้ เราจะเดินออกจากห้องประชุม” ทรัมป์กล่าว
ปฏิกริยาชาวเกาหลีใต้: คิมอยากเยือนบลูเฮ้าส์ ประชาชนในกรุงโซลเกาหลีใต้ ออกมาร่วมสดมนต์กลางเมือง เพื่ออวยพรขอให้การเจรจาสันติภาพลุล่วง ผู้คนตามถนนหนทาง ต่างจับจ้องมองที่จอยักษ์ทั่วมุมเมือง ที่ถ่ายทอดสดการแถลงผลประชุมประวัติศาสตร์ ด้านนายยุน ยัง-ชาน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แถลงวานนี้ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้กล่าวกับประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ ระหว่างพบหารือกันเป็นการส่วนตัวว่า เขามาประชุมสุดยอดครั้งนี้ เพื่อหยุดประวัติศาสตร์ของความขัดแย้ง และกล่าวติดตลกว่า เขาเสียใจที่รบกวนเวลานอนของนายมุนด้วยการทดสอบขีปนาวุธกลางดึกปีที่ผ่านมา คิมบอกกับมุนด้วยว่า เขายังต้องการไปเยือนทำเนียบประธานาธิบดีบลูเฮ้าส์ ในกรุงโซลด้วย และต้องการประชุมกันอีกในอนาคต ฮือฮา "ทีมบอดี้การ์ดพิทักษ์คิมจองอึน " หลังเจรจากันนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ในห้องที่ปิดลับ นายคิมก็นั่งรถกลับเข้าไปยังฝั่งเกาหลีเหนือ ก่อนเที่ยงด้วยลีมูซีนสีดำ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งขนาบข้างรถ จนกระทั่งข้ามพรมแดนกลับไปเกาหลีเหนือ ซึ่งรถยนต์ต้องวิ่งผ่านสนามหญ้า เพราะบริเวณจุดนั้นไม่มีถนนเชื่อม 2 ประเทศ หลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว 2 ผู้นำก็มีกำหนดปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึกก่อนกลับมานั่งเจรจากันอีกรอบ และจบลงในช่วงเย็นด้วยงานเลี้ยงอาหารค่ำและชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง NEW18 รวมภาพประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น กอดนี้ที่โลกต้องจดจำ
โดยการประกาศดังกล่าวของ 2 ผู้นำเกาหลี มีขึ้นหลังการเจรจากันที่หมู่บ้านปันมุนจอม เขตปลอดทหาร บริเวณพรมแดน นอกจากนี้ ผู้นำทั้ง 2 ยังตกลงร่วมกันที่จะผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงสงบศึก ซึ่งยุติสงครามเกาหลีในปี 2496 เป็นสนธิสัญญาสันติภาพในปีนี้ การประชุมสุดยอดครั้งนี้ มีขึ้นไม่กี่เดือนหลังวิวาทะเหมือนพร้อมจะทำสงครามจากผู้นำเกาหลีเหนือ
-การยุติ “การกระทำที่เป็นปรปักษ์” ระหว่างกัน
-เปลี่ยนแปลงเขตปลอดทหาร (DMZ) ซึ่งแบ่งแยกประเทศ ให้เป็น “เขตสันติภาพ” (peace zone) ด้วยการเลิกการกระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อ
-ลดอาวุธในภูมิภาคเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดทางทหาร
-ผลักดันการเจรจา 4 ฝ่าย ที่มีสหรัฐและจีน ร่วมด้วย
-จัดงานรวมญาติที่พลัดพรากจากกันเพราะสงคราม
-เชื่อมโยงและปรับปรุงทางรถไฟและถนนหนทางข้ามพรมแดนให้ดีขึ้น
พันธสัญญาในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ได้อ้างถึงอย่างชัดเจนว่า เกาหลีเหนือจะหยุดกิจกรรมนิวเคลียร์ แต่พูดถึงเป้าหมายของการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ แถลงการณ์ร่วมบอกด้วยว่า 2 ประเทศยังได้ตกลงที่จะขอการสนับสนุนจากนานาชาติเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐคนใหม่ ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ ได้เดินทางไปเจรจากับคิม อย่างลับ ๆ ในกรุงเปียงยาง กล่าวว่า ความประทับใจของเขาคือ นายคิม จริงจังกับการบรรลุข้อตกลง