กองปราบบุกวัดดัง คุมพระสอบทุจริตเงินทอนวัด

2018-05-24 10:55:01

กองปราบบุกวัดดัง คุมพระสอบทุจริตเงินทอนวัด

Advertisement

ตำรวจกองบังคับการปราบปรามกระจายกำลังบุก 3 วัดดัง เชิญตัวพระเถระชั้นผู้ใหญ่มาสอบปากคำคดีทุจริตเงินทอนวัด พร้อมบุกคุมตัวพระพุทธะอิสระสอบข้อหาสนับสนุนปล้นทรัพย์ 1.2 แสนบาท ช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อปี 2558

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีทุจริตเงินทอนวัด ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้เดินทางไปเชิญตัวพระเถระชั้นผู้ใหญ่มาสอบปากคำหลายวัดด้วยกัน เริ่มจาก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เดินทางไปยัง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เพื่อเชิญตัว พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาส และเจ้าคณะภาค10 และกรรมการมหาเถรสมาคม พบว่าไม่อยู่ตั้งแต่เวลา 16.00น.วันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา  ทั้งนี้ได้มีการเชิญตัว พระศรีคุณาภรณ์ พระครูสิริวิหารการ และ พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือ เจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาส มาสอบปากคำ

วัดสามพระยา  มีการเชิญตัว พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พระอรรถกิจโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร



วัดสัมพันธวงศาราม เชิญตัว พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.ปพ. บก.ป. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ดินทางไปยังวัดอ้อน้อย เชิญตัวพระพุทธอิสระ หรือ พระสุวิทย์ ธมฺมธีโร เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ข้อหาสนับสนุนให้มีการปล้นทรัพย์ สืบเนื่องจากกรณีที่ พระพุทธอิสระ ถูกแจ้งดำเนินคดีฐานกรรโชกทรัพย์ จำนวน 1.2 แสนบาท ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อปี 2558



นอกจากนี้ น.ส.ฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา อดีตเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด ดี ดี ทวีคูณ มารดาของ ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา ได้เดินทางมากองบังคับการปราบปราม พร้อมทนายความ เพื่อเข้าให้ปากคำในคดีทุจริตเงินทอนวัดด้วยเช่นกัน หลังจากก่อนหน้านี้ทหารพระธรรมนูญได้พา ร.ท.ฐิติทัศน์ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามมาแล้ว

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องรายละเอียด ทราบเพียงว่ายังไม่เจอพระบางรูป เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและ ปปง. ที่ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีนี้เป็นเรื่องของการทุจริต ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย เป็นเรื่องของการตรวจสอบที่ต้องดำเนินไปตามกฎหมาย ตำรวจรู้แล้วว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร