รู้จัก 4 คุณไสย มนต์ดำของไทย อันตรายที่ไม่ควรประมาท

2018-06-06 09:15:06

รู้จัก 4 คุณไสย มนต์ดำของไทย  อันตรายที่ไม่ควรประมาท

Advertisement

พูดถึงเรื่องคุณไสย มนต์ดำของไทยนั้น มีอยู่หลากหลายประเภท  หากว่าเป็นของต่างประเทศ เราอาจจะเคยเห็นที่เป็นลักษณะตุ๊กตาวูดู  แต่สำหรับของไทยนั้น มีหลากหลายแบบทั้งเสกเข้าท้อง  หรือห้อยคอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไว้ป้องกันคุ้มภัย หรือหุ่นปั้นเพื่อทำร้ายเหยื่อ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีระดับ คนธรรมดาทั่วไปทำได้แค่ระบบต่ำกับระดับกลาง  แต่ถ้าคุณไสยระดับสูงจะเป็นของระดับกายทิพย์ เทพ ครูบาอาจารย์ที่เรากราบไหว้

คุณไสย ระดับสูง
เป็นของเทพ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายคนหนึ่งรู้สึกปวดหัวมากๆ คืนหนึ่งเขาฝันว่ามีชายร่างใหญ่กายสีดำ ยื่นมงคลมาที่เขา แล้วก็ลอยมารัดที่หัวของเขา  พอให้หมอแก้ก็บอกว่าบรรเทาลงได้  โดยให้ดื่มน้ำมนต์แล้วอาเจียนออกมาเป็นเศษไม้ แต่แก้ให้ขาดไม่ได้ เพราะเป็นคุณไสยระดับสูง  ผลการกระทำอาจจะเคยไปลบหลู่ดูหมิ่นอะไรไว้ ถึงโดนแบบนี้  เช่น ไปเตะเครื่องกระบี่กระบอง ล้มระเนระนาด เพราะเกลียดครูนาฏศิลป์ จึงต้องแก้ด้วยการขอขมา 



คุณไสย ระดับกลาง
เป็นคุณไสยระดับที่คนทั่วไปทำได้ แต่จะมีพิธีกรรมที่ยาวนาน ใช้ระยะเวลามาก และต้องพิถีพิถันในการประกอบพิธีกรรม

คุณไสย ระดับต่ำ


เป็นคุณไสยที่ใช้ของอาถรรพ์ ในเชิงลบ หรือเป็นอัปมงคล มาใช้มนต์ดำด้วยคาถาอาคม โดยอาจจะมีแรงจากผีพราย ผีสาง มาช่วย 





คุณไสยแบบไทยๆ มีหลักๆ 4ประเภท ดังนี้



1. สายเสกเข้าท้อง
การเสกของเข้าท้องเป็นคุณไสยระดับต่ำ มักจะปล่อยของในวันโกน เพราะเป็นวันแรง โดยใช้คาถากำกับบทเดียวกันทั้งหมด สามารถทำได้หลายแบบ เช่น เหรียญปากผี เป็นเหรียญเก่าๆ สนิมเขลอะๆ ที่ง้างมาจากปากคนตาย  ผ้าตราสังฆ์ หรือ ผ้าห่อศพ ที่พันด้วยสายสิญจน์ ตะปูตอกฝาโลง หรือจำพวกหนังสัตว์ เช่น หนังควาย หนังหมู หนังงู  คุณไสยจำพวกหนังสัตว์นี้ แรกเริ่มจะมีขนาดเท่ากล่องไม้ขีด แล้วจานคาถาลงไป พอปล่อยออกไปแล้วจะไปหาเหยื่อแล้วไปพองในท้อง ทำให้มีอาการผิดสำแดง ข้าวปลาไม่กิน เหม่อลอย นอนไม่หลับ  บางรายอาจจะเสกซากงูตายทั้งตัวไปเข้าท้องก็มี คุณไสยระดับนี้เป็นคุณไสยที่ชั่วร้าย ผู้กระทำตั้งใจจะเอาถึงตาย หาไม่รีบแก้ อาจถึงชีวิต

วิธีการแก้ ให้ใช้การเสกน้ำมนต์ให้ดื่ม เพื่อขับของออกมา ส่วนใหญ่จะมารู้ว่าโดนอะไรเข้าไปก็ตอนนี้แหละ เพราะต่อให้เอ็กซเรย์ยังไงก็หาไม่เจอ ทั้งนี้ ว่ากันว่าคนที่เกิดวันอังคารส่วนใหญ่จะไม่โดนของเสกเข้าท้อง  เพราะเป็นคนดวงแข็ง แข็งกว่าคนเกิดวันเสาร์ ๕ เสียอีก (เกิดวันเสาร์ที่ห้าของเดือน) 






2. สายควบคุม
เป็นคุณไสยในระดับขั้นกลางครับ ที่เราจะเคยได้ยินบ่อยๆ ประเภท เสน่ห์ยาแฝด การฝังรูปฝังรอย การใช้พวกหุ่นดินปั้น เขียนชื่อเหยื่อลงไป จากนั้นก็เสกปล่อยไป ด้วยการเอาไปฝังตามจุดต่างๆ เช่นป่าช้าหรือทางสามแพร่ง

วิธีแก้ไข ค่อนข้างจะยาก เพราะต้องตามของที่ทำให้เจอให้ได้  หรือไม่ ก็ทำหุ่นขึ้นมาใหม่ เรียกว่า หุ่นทำคืน โดยทำให้หุ่นเหมือนกัน แต่คืนสภาพเดิม  ซึ่งประเภทนี้อาคมจะแรงมาก จะสะท้อนกลับไปยังคนที่ทำคุณไสย   การทำหุ่นพวกนี้ ดินที่ใช้ปั้นต้องมีอาถรรพ์ เป็นลักษณะดินโป่ง จาก7ป่าช้า   ถ้าเป็นในต่างประเทศก็คล้ายๆกับพวกตุ๊กตาวูดู เป็นการเอารูปของเหยื่อมาตั้งหน้ากระถางข้าวสาร ปักธูปไว้ แล้วเรียกชื่อเหยื่อแบบซ้ำๆ หรือ ปั้นตุ๊กตาเขียนชื่อเหยื่อลงไปแล้วเรียก อาทิ ถ้าเหยื่อชื่อ "คำหล้า" ก็เรียก คำหล้า คำหล้า  คำหล้า คำหล้า คำหล้า   ให้เรียกไปซ้ำๆ ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบเร่ง  ทำได้เป็นระยะๆ จนกว่าเหยื่อจะเริ่มฝันแปลกๆ กระสับกระส่าย เวิ่นเว้อ เหมือนมีใครเรียกตลอดเวลา นั่นหมายความว่า เริ่มผูกจิตกับ "คำหล้า" ได้แล้ว หลังจากนั้นก็ใช้เข็มแทงข้าวสาร หรือตัวหุ่น ถ้าแทงตรงไหน "คำหล้า" ก็จะเจ็บตรงนั้น ลักษณะคล้ายกับตุ๊กตาวูดู

อีกลักษณะหนึ่ง คือ ผงกระดูกผีมหาเสน่ห์ จะใช้กระดูกคนตายในวันเฮี้ยนๆ มาทำ เช่น ต้องตายทั้งกลม ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร และเป็นกะโหลกศีรษะ ถึงจะได้ผลแรงจริง ใครโดนเข้าไปก็จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดถึงแต่คนที่ปล่อยของจนผ่ายผอม  ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า เณรเป็นศิษย์ภิกษุที่ทำของเก่ง  กำลังตำกระดูกผีแล้วครกแตก ผงกระเด็นไปหาโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้โยมผู้หญิงต้องอาคมมาหลงรักเณร แล้วขอให้เณรสึก อิทธิฤทธิ์รุนแรงแม้ยังไม่ประกอบพิธี  จนทำให้โยมผู้หญิงคนนั้นต้องมาถอนของออก 



ส่วนประเภทน้ำมันพราย ลักษณะนี้ก็จัดเป็นคุณไสยระดับต่ำ มีทั้งประเภท ยาสั่ง ยาเบื่อ ยาผีบอก จะคุณไสยระดับต่ำกว่าเสกหนังสัตว์เข้าท้องเสียอีก เป็นสิ่งที่เข้าไปง่าย แต่ถอนออกยาก โดยเฉพาะยาสั่งนั้น เอาถึงกับชีวิต  ต้องใช้การถอน ด้วยพระขันธ์ตัด เป็นพระขันธ์ทำจากเขาควายเผือกถูกฟ้าผ่าตาย เอามาตัดคาถาถึงจะได้ ซึ่่งหาไม่ได้ง่าย ๆ ส่วนใหญ่จะสืบทอดกันมา



3.สายป้องกัน
เป็นประเภท สักเสกเลขยันต์ หรือห้อยไว้เพื่อคุ้มกัน ภยันตราย ทั้งหลาย ให้คลาดแคล้วจากเภทภัยของมีคม และป้องกันพวกของคุณไสยด้วย เช่น จำพวกห้อย ตะกรุด ที่ทำจากแผ่นโลหะประเภททองแดง ทองเหลือง ดีบุก ตะกั่ว หรือหนังสัตว์ สำหรับตะกรุด ที่เก๋าสุดจะเป็นตะกรุดโสฬสที่มีถึง 16 ดอก ทำให้อยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า นิยมมากในยุคสมัยออกรบแต่โบราณ


ปรอท ซึ่งมิใช่ ปรอทวัดไข้ แต่เป็นชื่อของวัตถุลี้ลับในอากาศ เป็นเกราะสายดำ ไว้สำหรับป้องกันภัย ลักษณะเป็นแท่งดำๆ อ่อนๆ ใครอมปรอทไว้ จะเดินหนหายตัวได้ หรือแคล้วคลาดจากปืนผาหน้าไม้ ฟันแทงไม่เข้า ส่วนใหญ่มักจะลองของกันทันทีที่ทำพิธีเสร็จ ทุกครั้งที่ปรอทสำแดงเดชจะเห็นเงาดำ ๆ ยืนข้างหลังคนที่มีปรอท เหมือนเป็นสิ่งปกปักอารักษ์คุ้มครอง  สำคัญคือระหว่างทำพิธีต้องสยบวิญญาณให้อยู่ ไม่เช่นนั้นปรอทจะดื้อ ใช้งานไม่ค่อยได้และเป็นภัยต่อตนเอง

ยันต์ ที่มีชื่อมาก คือยันต์เกราะเพชร  เป็นการเสกเป่า ไม่ใช่การสัก เวลาเข้าตัวจะขึ้นบนหน้าผากแล้วหายไป คอยคุ้มครองอันตรายจากคุณไสยแรงๆ หรือป้องกันภัยจากปืนผาหน้าไม้ แม้เสียชีวิตไปแล้วแต่ยันต์จะยังติดอยู่กับหน้าผาก



4. สายโจมตี
เป็นจำพวกหุ่นปั้นพยนต์เสก ที่เรารู้จักก็คือ  วัวธนู ควายธนู กุมารทองพราย หรือหุ่นพยนต์  สามอย่างแรกคงคุ้นเคย แต่สำหรับ หุ่นพยนต์ ลักษณะทำจากฟางข้าว ผูกเป็นตัวคนเขียนชื่อเหยื่อแล้วว่าคาถา ก่อนจะปล่อยมาในคืนเดือนมืด ลักษณะของหุ่นพยนต์จะเหมือนกับคน สัตว์ เทวดา ยักษ์ ฯลฯ  แต่จะเดินทื่อๆ ไร้ชีวิตชีวาเหมือนหุ่นยนต์  แล้วตรงเข้าไปทำร้ายเหยื่ออย่างเดียว ส่วนใหญ่จะผูกไว้เพื่อเฝ้าบ้านได้ เมื่อแขกใครไปมา อาจจะเห็นเหมือนมีใครเดินอยู่ในบ้านอยู่ตลอด 

นอกจากใช้ไปโจมตีฝ่ายตรงข้ามแล้วยังป้องกันอันตรายจากภูตผีปีศาจมารังควานอีกด้วย  สำหรับสายนี้จะใช้งานคุ้ม เหมือนมี ซีเคียวริตี้การ์ดประจำตัว ของจำพวกแบบนี้ถ้าไม่เชื่อ อย่านับถือ และอย่าลบหลู่นะจ๊ะ 


ขอบคุณข้อมูล Cr.palungjit.org