กลุ่มพยาบาลและคุณแม่ลูกน้อยเดินทางร้องดีเอสไอช่วยเหลือ หลังถูกพยาบาลวิชาชีพ รพ.ชื่อดังหลอกให้ร่วมลงทุนแชร์นมผงสูญไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ นายสมคิด หอมเนตร ประธานเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ได้นำตัวแทนผู้เสียหาย จำนวน 6 ราย เข้ายื่นหนังสือต่อ ร.ต.อ.ดำรง สินสอาด พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 5 หลังจากมีผู้เสียหายหลายสิบรายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนแชร์นมผง
นายสมคิด หอมเนตร ประธานเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลว่า ตนได้รับการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหายซึ่งเป็นคน จ.นครราชสีมา แต่มาทำงานอยู่ที่ จ.ลำพูน ถูกคู่กรณีคือ นาง ก. (นามสมมติ) พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.ลำพูน ได้กระทำการเจตนาที่หลอกลวง โดยชักชวนคุณแม่ที่ไปคลอดลูกที่ รพ.ร่วมลงทุนแชร์นมผง นอกจากคุณแม่ที่ไปคลอดลูกแล้ว ยังมีพยาบาลที่ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งมีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ราย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และในคดีที่สอง ได้มีการนำเอาชื่อของเจ้าหน้าที่พยาบาลที่เป็นหนี้ของกับสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขจังหวัดลำพูน โดยอ้างกับผู้ร่วมลงทุนว่า หากนำเงินไปช่วยเขาในการปิดหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ ก็จะได้เปอร์เซ็นต์จึงมีผู้ร่วมด้วย ซึ่งมูลค่าความเสียหายก็หลักล้านบาทเช่นกัน
โดยทางผู้เสียหายในคดีนมผงนั้น แยกเป็นกรณีที่นำเงินไปลงทุน แล้วจะได้ค่าเปอร์เซ็นต์ตามอัตราส่วนที่ลงทุน บางคนก็ได้ 8 เปอร์เซ็นต์ บางคนก็ได้ 10 - 20 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ยอดที่ลงทุนไป และอีกส่วนหนึ่งคือ การที่ชักชวนคนมาร่วมเป็นตัวแทนจำหน่ายนมผง โดยอ้างว่ามีนมผงกว่า 10 ชนิด ซึ่งมีลูกค้าอยู่ในมือแล้ว มีที่จำหน่ายแน่นอน และบางคนก็เป็นคุณแม่ที่พึ่งคลอดลูก ต้องใช้นมให้ลูกกินก็ชักชวนให้ซื้อและนำไปขายต่อเพื่อกินกำไรต่อได้ ทำให้ผู้เสียหายกลุ่มนี้มีจำนวนมากขึ้น ด้วยการชักชวนให้มาลงทุน โดยระยะเริ่มแรกก็มีคนมาลงทุนจำนวนมาก และมีการจัดโปรโมชั่นสุดคุ้มลงทุน 50,000 บาท จะได้ค่าตอบแทน 7,000 บาท ใน 7 วัน หรือลงทุน 25,000 บาท ได้ค่าตอบแทน 2,500 บาท ใน 3 วัน หรือสามารถซื้อนมผงได้ในราคาถูกเป็นพิเศษเมื่อโอนเงินไปแล้วไม่มีสินค้ามามอบให้ ระยะเริ่มแรกก็ได้เงิน บางคนสั่งนมผงไปขายก็ได้ของไปด้วย แต่ระยะหลังเงินค่าคอมมิชชั่นที่ลงไปก็ไม่ได้ เงินที่สั่งซื้อสินค้าไปก็ไม่ได้ของ ทำให้รู้ตัวว่าถูกหลอก จากนั้นผู้เสียหายก็ทะยอยเดินทางไปแจ้งความตามสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งต่อมาทางผู้เสียหายได้ทราบว่ามีใครบ้าง เพราะไม่เพียงแค่คุณแม่ที่ถูกหลอก ยังมีเจ้าหน้าที่พยาบาลใน รพ.เดียวกันกับทางผู้ก่อเหตุ และ รพ.อื่นๆ ด้วย จึงมีการรวมตัวกันและมายื่นหนังสือในวันนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการในด้านคดีฉ้อโกงประชาชนกับคู่กรณีดังกล่าว และก็อยากได้เงินกลับคืนมาด้วย
ด้าน ร.ต.อ.ดำรง สินสอาด พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กล่าวว่า หลังจากได้รับฟังข้อมูลแล้ว ก็มีหลายกรณีที่เข้าข่าย แต่ทั้งนี้ก็ต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ในขณะเดียวกันทางผู้เสียหายก็แจ้งความไว้แล้วหลายโรงพัก ก็ได้แนะนำให้รวมตัวกันให้มากที่สุดและเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนตำรวจภูธร จ.ลำพูนในครั้งเดียว ให้เป็นคดีเดียวที่มีผู้เสียหายหลายราย หลายพื้นที่ จากนั้นทางพนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาว่าเป็นคดีที่ทางโอนให้ทางดีเอสไอหรือไม่ ส่วนกรณีที่ทางผู้เสียหายได้มายื่นหนังสือในวันนี้ ก็ได้ทำบันทึกไว้แล้ว และจะรายงานเรื่องดังกล่าวให้กับทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้รับทราบและพิจารณาว่าจะรับหรือไม่ ซึ่งทางดีเอสไอก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอน หากการสอบพยานแวดล้อมต่างๆ แล้วพบว่าเข้าข่ายในคดีแชร์ลูกโซ่ก็จะดำเนินการทันที