ถือเป็นการออกงานและให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกของศรราม เทพพิทักษ์ ที่เปิดใจว่ากำลังศึกษาดูใจกับนักร้องสาวหน้าแบ๊ว นิโคล เทริโอ งานนี้บรรดาสื่อมวลชนแห่ตามกันไปไกลถึงงานเปิดตัว The Sis Clinic ศูนย์การค้า Passione จ.ระยอง โดยหนุ่มได้เผยถึงจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้ว่า
ผมกับกี้เรารู้จักกันมานานมาก เวลาเจอกันเราก็ทักทายปกติ มีความปรารถนาดีเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จนเกิดเหตุการณ์อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไป ทำให้เราได้คุยและเรียนรู้กันมากขึ้น เราศึกษากันก่อนจะพัฒนามาเป็นคนพิเศษซึ่งใช้เวลาอยู่นานมาก กี้เขาออกเทปในช่วงเวลาไล่ๆ กับผม และเขาเป็นรุ่นพี่ผมปีนึงที่เอแบคด้วย แต่ผมได้มาเจอเขาตอนช่วงหลังๆ ผมได้ทราบข่าวของกี้เสมอ จากเพื่อนๆ ในวงการเล่าให้ฟัง พอได้เจอกี้ ผมรู้สึกว่าเขามีความไนซ์เหมือนเดิม และแข็งแรง ผมชื่นชมที่เขาต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เป็นทั้งพ่อและแม่ ผมชื่นชอบเขาตรงนี้ เพราะพ่อผมเป็นนักแสดงอาวุโสมีงานบ้างไม่มีบ้าง ส่วนแม่ต้องทำหน้าที่ดูแลผมและคนที่บ้าน อาจจะเป็นความรู้สึกตรงนี้ ทำให้เราชื่นชม กี้เป็นคนเก่ง ผมประทับใจในความรับผิดชอบและความดีของเขา
ผมเป็นคนเริ่มพูดก่อนว่าเรามาคบกันนะ เมื่อเราตกลงกันว่าจะคบกัน การให้สัมภาษณ์กับสื่อก็อยากตรงไปตรงมา เพราะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การพูดความจริงเป็นสิ่งที่ดี เราสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไปกินข้าวดูหนังกัน สำหรับสถานะจะใช้คำว่าแฟนก็ใช้ได้ แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ผมคบในสถานภาพที่พิเศษกว่าแฟน
ส่วนเรื่องที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ว่ามองถึงเรื่องการแต่งงานนั้น คือ ผมไม่มีแฟนมา 7 ปีแล้ว ผมก็จีบคนอื่นแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จีบติดบ้างไม่ติดบ้าง หรือจีบไปแล้วเขามีคนคบซ้อนอยู่แล้ว เราก็ไม่ชอบการเป็นมือที่ 3 ผมคิดว่าความรักต้องการความซื่อสัตย์ และเราได้มาเจอกันในช่วงที่ทั้งคู่ไม่มีใครก็เลยจึงสามารถเรียนรู้กันได้ และรู้สึกว่าเราจะทุ่มเทและให้ความสำคัญกับความรักครั้งใหม่ของเรา จริงๆ ผมยังไม่ได้บอกว่าจะถึงขั้นแต่งงาน ผมบอกว่าผมคิด จริงๆ ผมคบใครผมก็คิดเรื่องจะแต่งงานนะ แต่คิดแล้วมันไม่สำเร็จ การที่เราจะรักใครสักคนผมคิดว่าเราไม่ควรเอาสุภาพสตรี หรือ เพศแม่มาล้อเล่น ไม่ใช่จีบแล้วควงไปวันๆ ต้องมีอนาคตที่คาดหวังไว้และพยายามไปให้ถึงจุดมุ่งหมายนั้น
ผมคุยกับกี้ว่าเราโตกันแล้วแต่ละคนผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย และเรามีหน้าที่ต้องดูแลครอบครัว เพราะฉะนั้นการเรียนรู้กันต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวของเราทั้งสองคนด้วย ไม่ใช่เราคบกันแค่สองคน ผมต้องรักพ่อแม่และลูกชายเขาด้วย ในขณะเดียวกัน กี้ก็ต้องรักพ่อแม่ผมด้วย ต้องดูแลกัน นั่นคือสิ่งที่เราคุยกันแบบเพื่อน เมื่อถึงจุดหนึ่งผมคิดว่ากับสถานภาพแบบนี้บางทีการเป็นเพื่อนก็สำคัญ มีอะไรก็พูดกันตรงๆ และส่วนของทิกเกอร์ เขาเป็นเด็กน่ารักมาก บางอย่างตอนผมอายุเท่าเขา ผมยังทำไม่ได้เท่าที่ทิกเกอร์ทำให้กี้เลย เขาเป็นคนเก่งมีพรสวรรค์ และเรื่องที่กี้มาเยี่ยมแม่ผมที่บ้านมันเป็นเรื่องบังเอิญเพราะบ้านเราอยู่ซอยลาดพร้าวใกล้ๆ กัน คุณแม่เราสองคนเคยเจอกันอยู่แล้วเลยสนิทกัน ซึ่งทางคุณแม่ผมหลังจากเจอกี้ จริงๆ แม่ไม่ปิดกั้นเรื่องนี้ตั้งแต่ผมเด็กๆ แล้ว ลูกรักใครแม่ก็รักด้วย เรามีวุฒิภาวะแม่ไม่ห่วงมากเท่าไหร่ ผมเองได้เจอครอบครัวกี้แล้ว ทุกคนน่ารัก เราได้มีโอกาสไปทานข้าวกันบ้างแต่ไม่บ่อยเท่าไหร่นัก
และเรื่องอนาคตหลังจากนี้ ผมว่าเราทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี เพราะชีวิตเราไม่ได้โฟกัสเฉพาะความรักยังมีอีกหลายอย่างที่ผมต้องทำครับส่วนที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเปิดตัวเรื่องความรักเลย แต่มาเปิดตัวกับเขา คือผมเป็นคนตอบคำถามตรงไปตรงมา ผมจะพูดเสมอว่าอะไรที่ผมตอบได้ผมก็ตอบ อะไรที่ตอบไม่ได้ก็ไม่ตอบนะครับ ไม่มีใครอยากให้การทำงานมีปัญหา พี่ๆ นักข่าวก็อยากได้ข่าวไปอัพเดต เพราะเป็นเรื่องที่คนสนใจ แต่ผมเองก็คงต้องมีช่องว่าง และพื้นที่ในการให้เกียรติครอบครัวและเรื่องส่วนตัวบ้าง ก็ถือว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยกันครับ