เตือนอาการผิดปกติ “โรคจุดภาพชัดเสื่อม”

2019-02-22 10:45:30

เตือนอาการผิดปกติ “โรคจุดภาพชัดเสื่อม”

Advertisement

แพทย์เตือนอาการ “โรคจุดภาพชัดเสื่อม” มองภาพบิดเบี้ยว เห็นภาพเบลอ มองเห็นสีผิดเพี้ยน เห็นจุดดำตรงกลางภาพ มองในที่สว่างไม่ชัด ปรับสายตาจากการมองเห็นในที่มืดมาที่สว่างไม่ค่อย มีอาการเหล่านี้ควรพบจักษุแพทย์


นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โรคจุดภาพชัดเสื่อม คือภาวะที่นำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น พบได้มากในผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป สาเหตุจากจุดรับภาพตรงกลางของจอตาเสื่อม ซึ่งโรคจอตาเสื่อมเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค อาการของจอตา ได้แก่ มองในที่สว่างไม่ชัด หรือแพ้แสง ปรับสายตาจากการมองเห็นในที่มืดมาที่สว่างไม่ค่อยได้ ตามัวมีจุดดำหรือเงาบังอยู่ตรงกลางภาพ เห็นสีผิดเพี้ยน แนะนำให้สังเกตความผิดปกติด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก โดยการใช้แผ่นทดสอบจอตาส่วนกลางด้วยตารางตรวจจุดภาพชัดเช็คอาการจุดภาพชัดเสื่อม ถ้ามองเห็นภาพผิดปกติไป จะต้องพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการตรวจจอตาทันที




พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ ผอ.รพ.เมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) กล่าวว่า โรคจุดภาพชัดเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมในส่วนกลางของจอประสาทตา เกิดขึ้นได้เมื่อมีอายุมากขึ้นเป็นสาเหตุสำคัญทำให้สูญเสียความสามารถการมองเห็นในผู้สูงอายุ มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี อาจพบได้ในผู้มีอายุน้อย ซึ่งมักพบในผู้ที่มีประวัติทางครอบครัวเป็นโรคนี้ โรคจุดภาพชัดเสื่อม แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.โรคจุดภาพชัดเสื่อมแบบแห้งพบได้ ร้อยละ 90 เกิดจากเซลรับแสงในจุดรับภาพเริ่มเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ตามวัยที่เพิ่มขึ้น เซลรับแสงในจุดรับภาพมีจำนวนน้อยลง การมองเห็นบริเวณกลางภาพแย่ลง ทำให้ต้องใช้แสงสว่างมากกว่าปกติ เมื่อต้องอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมระยะใกล้ 2.โรคจุดภาพชัดเสื่อม แบบเปียก เกิดจากมีเส้นเลือดงอกผิดปกติใต้จอตาทำให้สูญเสียการมองเห็นที่รุนแรง ภาวะโรคจุดภาพชัดเสื่อมแบบเปียก จะมีน้ำหรือเลือดรั่วออกมาจากเส้นเลือดที่งอกผิดปกติได้




พญ.สายจินต์ กล่าวต่อว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคจุดภาพชัดเสื่อมนั้น ได้แก่อายุที่มากขึ้น การเผชิญแสงแดดหรือแสงอัลตราไวโอเลต โรคหัวใจ ความดันสูง คอเลสเตอรอลในหลอดเลือดสูง สูบบุหรี่ ดื่มสุราและพันธุกรรม สามารถทดสอบด้วยตนเองได้จากตารางแอมสเลอร์กริด มีทั้งเส้นแนวตั้งและแนวนอนโดยมีจุดอยู่ตรงกลางถ้ามองเห็นบางเส้นไม่ชัดหรือเส้นจางหายไป ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที การรักษาอาจรักษาด้วยยา เลเซอร์ หรือใช้หลายวิธีร่วมกัน การรักษาในปัจจุบันเป็นเพียงชะลอการสูญเสียสายตา แต่สามารถป้องกันภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเช่น ออกกำลังกายรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดจอประสาทตาเสื่อมได้แก่ ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้มอาทิ แครอท ฟักทอง ผักใบเขียว เช่น คะน้า ปวยเล้ง ฯลฯ ควบคุมน้ำหนัก สวมแว่นกันแดด งดสูบบุหรี่ จอตาเสื่อมจะไม่สามารถป้องกันหรือรักษาได้ แต่หากได้รับการวินิจฉัยการรักษาทันท่วงทีจะช่วยชะลอความรุ่นแรงของโรค และลดโอกาสการสูญเสียการมองเห็น