"เปาวลี" ร่ำไห้ ความรักที่เคยต้องหลบซ่อน ทุกข์ระทมน้ำตาริน

2019-03-15 16:00:18

"เปาวลี" ร่ำไห้ ความรักที่เคยต้องหลบซ่อน ทุกข์ระทมน้ำตาริน

Advertisement

กว่าความรักจะดำเนินมาตรงถึงจุดที่ได้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของ "ป๋ากิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ" ได้นั้นไม่ง่ายเลย สำหรับนักร้องลูกทุ่งสาว "เปา-เปาวลี พรพิมล" ที่เจียมตนว่า ตนเองไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่สมฐานะกับฝ่ายชาย  ในขณะที่ฝ่ายชายเป็นนักเรียนนอก  แต่เธอรู้สึกว่าเธอเป็นเพียงแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องเท่านั้น 






เตรียมตัวจะเป็นเจ้าสาว แต่งงานกับหนุ่ม “เอิร์ธ” ลูกชายของซูโม่กิ๊ก วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562  โดยก่อนหน้านี้ "เปาวลี"  มีโอกาสได้เปิดใจเรื่องราวความรักผ่านรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ว่า

เปา : เราเป็นคนที่โตมาในกรอบ กลัวการทำผิด กลัวแม่เสียใจ แม่จะฝังหัวมาว่าสิ่งนี้ไม่ดี ถ้าแม่ดูออกมาว่าเรารักใคร แม่จะบอกว่าไม่ควร ตอนเด็กๆ เราก็เป็นแบบนี้ กะเปิ๊บกะป๊าบ ก็ไม่สนใจใคร แต่พอเรามาอยู่วงการ ก็มีคนเข้ามา   เป็นความบังเอิญมากๆ ที่มาเจอกัน เพิ่งเล่นพุ่มพวง เราไปโปรโมตรายการลุงกิ๊ก (ป๋ากิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ) พอถ่ายเสร็จ เราก็ออกมานอกสตูดิโอ รอถ่ายรูปกับป๋ากิ๊ก จนป๋าออกมา ก็ถ่ายรูป พอถ่ายเสร็จป๋าก็บอกรอแป๊บนึงเดี๋ยวพาลูกชายมาถ่ายรูปด้วย  เอิร์ธเขาก็ออกมางงๆ ถ่ายรูปคู่กันงงๆ ถ่ายเสร็จก็แยกย้าย สวัสดีกลับบ้าน เราก็แค่เออลูกป๋ากิ๊ก ไม่ได้สนใจอะไร ไม่รู้สึกอะไรต่อกัน





ตอนนั้น ป๋ากิ๊ก คิดอะไรถึงเรียกมาถ่ายรูปด้วยกัน?
เปา : มาถามทีหลัง ป๋าก็บอกว่าชงเล่นๆ ตอนนั้นป๋ามีพูดเล่นๆ ว่าเดี๋ยวจะให้ลูกชายจีบนะ หนูก็ไม่ได้อะไร แต่หนูก็ไม่กล้ามองหน้าเขา   

เอิร์ธ  :  วันแรกที่เจอกันที่กันตนา เขามาโปรโมตหนังพุ่มพวง พ่อก็บอกว่าดาราคนนี้น่ารัก  พอเลิกกอง พ่อก็ให้ไปถ่ายรูปกับน้องเปา ผมไม่ได้มองหน้าเขาด้วย แต่ก็รู้ว่าน่ารักดี แต่มันมีความรู้สึกบางอย่างว่าน่าจีบดี    ก็ไปขอเบอร์จากพีอาร์หรือคุณแม่นี่แหละ แล้วก็โทรไปเลยว่าเป็นทีมงานจากกลมกิ๊ก ผมก็ขอพินบีบีไป เขาก็เล่นตัว (หัวเราะ) ให้เฟซบุ๊กมา ก็คุยเฟซบุ๊ก แล้วเขาก็ใจอ่อนให้พินมา ก็คุยกันมาเรื่อยๆ




ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ตกหลุมรักกันใช่มั้ย?

เปา : ก็คุยไปเรื่อยๆ เพราะยังไม่ได้รู้จัก คือ เรารู้สึกว่าอยากคุยด้วย เหมือนเขามาดีนะ จนมาเจอกันอีกทีวันถ่ายโปรโมต แล้วเป็นช่วงหนังเข้า เราก็ชวนเพื่อนๆ และเขา แม่ด้วยไปดูหนัง เขาก็อยากมาถ่ายรูปกับเรา แต่เราระแวง เขาก็เลยได้ถ่ายห่างๆ ดูหนังก็คนละแถว






ได้ปรึกษาแม่มั้ย?
เปา:  ยังไม่กล้าบอกแม่ เพราะเราแค่คุยปกติ จนเขากลับไปเรียนต่ออเมริกา ทางเราก็หนังเข้าคนรู้จักเรามากขึ้น แต่เราก็เริ่มสนุกที่จะคุยกับเขา   เราอยู่กันคนละแบบ เราอยู่แบบบ้านนอกๆ เขาอยู่อเมริกา เราสนุกได้รู้อะไรใหม่ๆ ต่างประเทศเป็นยังไง เราก็ยังมีความสุขดี ตัวเขาจะไป 9 เดือนและกลับมาเมืองไทยทีนึง


เราเฝ้ารอการกลับมาของเขามั้ย?

เปา :  รอค่ะ เพราะทุกวันมันดูโอเค เราอยากคุยต่อไปเรื่อยๆ จนอยากจะเจอหน้าอีกครั้ง ตอนนั้นคุยได้ 1 ปี เขาก็ถามว่าตกลงเราเป็นแฟนกันหรือยัง เราก็บอกไปว่านี่ยังไม่เป็นอีกเหรอ (หัวเราะ) ก็ตกลงเป็นแฟนกัน   เราเจอกันน้อยมาก เขานานๆ กลับมาที 9 เดือนถึงจะกลับ เราก็ทำงานทุกวัน เขากลับมาทีเขาก็ต้องไปเจอเพื่อน ไปเจอครอบครัว ไปเที่ยวระยะสั้นๆ ของเขา โอกาสเจอน้อยมาก ไอ้เราก็เป็นคนขี้ระแวง อยากเจอแต่กลัวว่าจะเกิดเรื่องหรือเปล่า เป็นข่าวมั้ย





ที่ว่าเจอกันแว้บๆ แว้บขนาดไหน?

เปา :  แม่เขาก็มาพามากินข้าว กินจนเสร็จก็พามาส่งกลับบ้าน เจอกันครั้งเดียวแบบหลบๆ ซ่อนๆ แม่เขารับรู้ตั้งแต่แรก แม่เราก็รับรู้  รู้มั้ย? (หันไปถามแม่) 
แม่เปาวลี :  เราก็แอบสังเกต เวลาเขาโทรศัพท์ เรารู้สึกว่าลูกเราทำงานเหนื่อย แต่ถ้าเขาคุยกับเอิร์ธเขาจะมีพลัง กระปรี้กระเปร่าขึ้นเวที


เปา :  เราก็ห่วง เราเป็นคนอยู่บ้านนอก เราก็ดูทีวีชอบซูโม่กิ๊ก แต่พอลูกชายเขามาชอบเรารู้สึกกลัว มันจะเป็นไปได้เหรอ บอกเค้าว่าต้องเผื่อใจ ถ้ามันไม่ใช่


แม่เปา :  เราคนบ้านนอก อันนั้นเขาลูกป๋ากิ๊ก นักเรียนนอก  บอกลูกไว้ว่าถ้าไม่ใช่จะยังไง กลัวลูกเสียใจ  


เปา : ปีแรกๆ เรากลัวคนแอบถ่ายรูป เราหัวโบราณไงเป็นดาราห้ามมีแฟน กลัวเป็นข่าว


เปา : เราน่ะไปบอกเขานะว่าอยากเจอมากเลย แต่พอเขากลับมาจะเจอจริงๆ เราบอกไม่ได้ เหมือนเราหักความหวังเขา จนวันหนึ่งเราบอกเลิกเขา คือ เรารู้สึกเองว่า (เสียงสั่น) เรารู้สึกผิดที่ทุกครั้งที่จะมาเจอ ที่เราบอกเขาว่าถ้าเขากลับมาเราจะไปกินข้าวกัน พอถึงวันจริงเราทำให้เขาไม่ได้    จำได้มีครั้งหนึ่ง ไปดูหนัง หนังจริงๆ เรื่องอื่น ที่ไม่ใช่หนังของเรา  ไปกัน 4 คนมีพี่เราอีก 2 คน เราพยายามเบี่ยงเขาเป็นคนไม่รู้จัก เดินกับพี่ 3 คน ทิ้งเขาเดินข้างหลัง (ร้องไห้)   ตอนนั้นสถานการณ์อึดอัด เราอึดอัด เขาก็อึดอัดมาก พอออกจากโรงหนัง หน้าเสียกันทั้งคู่ เป็นการทำร้ายจิตใจกันด้วยซ้ำ เราเองอยากระบายกับใครสักคน แต่พูดกับเขาจะได้หรือเปล่า กลับบ้านก็ไม่โทรคุยกัน จนเขาก็โทรมาว่าพรุ่งนี้จะกลับอเมริกาแล้วนะ เขาบอกว่า เขารู้สึกอึดอึด ว่าไม่ใช่แบบที่คิดแล้ว เขาก็บอกว่าหรือว่าไม่ต้องไปต่อดีมั้ย เราก็โอเค เรารู้สึกว่าเรานิสัยไม่ดี ก็โอเคห่างๆ กันไป แต่เราเสียใจมาก (ร้องไห้)



เราถามตัวเองมั้ยว่าเรากลัวอะไรกันแน่?
เปา :  เราแบกรับ เราตั้งใจจะเป็นนักร้อง เราทำเพื่อพ่อแม่ ถ้าเรามีความรัก เราไปเลือกอะไรที่ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่เพื่อพ่อแม่ เราจะทำยังไง (ร้องไห้)  พยายามคิดว่ามันไปด้วยกันได้ เราสามารถแยกงานกับความรักได้ แต่พอเอาเข้าจริง พอเริ่มหลายปี มันก็ได้เท่าเดิม  แต่ใจเราดีใจนะ แต่เราไม่กล้า เขาน่าสงสาร แต่เราก็ไม่กล้าจะยังไงดีหว่า และพอในโรงหนัง เราก็ไม่ชิน กลัวคนจะเห็น เราก็บอกเขาว่าเจอกันได้แป๊บเดียว ถ้าเจอก็ที่ล็อบบี้แกรมมี่นะ เขาก็ขอมาเจอ เอาข้าวไข่เจียวสูตรคุณย่ามาให้ ซึ่งเขาทำเอง เราก็แอบลงมา เราแฮปปี้นะที่เขามา แต่เราก็กลัวคนเห็น ก็ไปหาแอบๆ ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกเขา   เวลาคุยกันออนไลน์น่ะมีความสุข แต่ถ้ามาเจอเรากลัว เราระแวง เขาพร้อมมาเจอ แต่เราทำงานตรงนี้เรากลัว เรากลัวจริงๆ ว่าจะเกิดข่าว


ทำไมเราคิดว่าเรามีแฟนไม่ได้ ถ้ามีอย่างถูกต้องเหมาะสม ในที่แจ้งด้วยซ้ำ?

เปา :  หนูอยู่ในช่วงคาบเกี่ยว ตอนนั้นกระแสเปิดตัวแฟนยังไม่เท่าตอนนี้ การมีแฟนตอนนั้นยังห้ามอยู่ มันน่ากลัวกับอาชีพที่เพิ่งเริ่มต้น เรารู้สึกว่าเราเสี่ยงกับอาชีพไม่ได้  เราก็เคยคุยกับเอิร์ธว่าเข้าใจเรานะ เราเพิ่งเข้ามา เรายังไม่พร้อม เราให้ความหวังเขาตลอด ว่าเราขออีก 4 ปีนะ เขาก็บอกโอเค  ที่บอกเลิกกันนี่ก่อน 4 ปีนะคะ ตอนนั้นเราก็หยุด ร้องไห้อยู่ในห้องน้ำคนเดียว แม่กับพี่ชายไม่รู้ ร้องๆ แล้วเช็ดน้ำตา แล้วเราก็ออกมาร่าเริง (เปาน้ำตาไหล)


เปา :  พอไม่มีเขาแล้ว ลำบากมาก เราเคยเจอกันทุกวัน เสร็จงานจะเจอข้อความว่า เสร็จงานหรือยัง พอไม่มีข้อความเขาแล้ว ก็รู้สึกว่าจริงเหรอ ทำไมเราไม่ยื้อเขาเลย (ร้องไห้)   พอประมาณอาทิตย์หนึ่งที่ไม่ได้คุยกัน เขาก็หายเงียบไปเลยไม่คุย แล้วเราเป็นคนโอเคเอง เราจะไปพูดอะไรได้ แต่เราคิดถึงเขาทุกวัน เหมือนอะไรขาดไปอย่างหนึ่ง  แต่เราคิดว่าจบแน่ๆ ก็ทำงานทุกวันให้พอลืมความเศร้าไปชั่วขณะ จนอาทิตย์หนึ่งจากนั้น เขาก็ส่งข้อความมาว่า ทนไม่ไหวคิดถึง เราดีใจ เรารู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับเขา ขอโทษเขา และบอกว่าเขาว่าให้รออีก 4 ปีนะ เดี๋ยวเราเปิดตัว
เขาก็เคยถามทำไมต้องโกหก เปิดไปเลย แต่เรามองว่าเขาไม่รู้หรอกเพราะเขาไม่ได้ทำงานแบบเรา


เป็นรักระยะทางไกล ไม่กลัวมีใครเข้ามาในทางเขาเหรอ?
เรารู้สึกเจ็บ เรามีอาชีพ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามบล็อกๆ เราต้องสร้างความสุขให้ทุกคน เราจะเศร้าไม่ได้ ขึ้นไปร้องก่อนเดี๋ยวค่อยกลับมาเศร้า




ผ่าน 4 ปีเรียบร้อย เราเปิดเผยกับคนอื่นได้อย่างชัดเจนหรือยัง?


เปา: ยังเขินอยู่ๆ เราปรึกษาเขาตลอดว่าสมควรเปิดยัง เขาก็ทวงแล้วว่า 4 ปีแล้วนะ เปิดตัวได้ยัง  วันนั้นบังเอิญไปร้องเพลง พี่นักข่าวก็ตั้งไมค์แล้วเต็มเลย คำถาม คือ เป็นแฟนกับลูกป๋ากิ๊กเหรอ เพราะเวลาไปรายการไปรายการป๋ากิ๊ก ป๋าชอบแซวว่านี่ลูกสะใภ้   พอเขาถามเราก็บอกค่ะว่าคบกันได้ 4 ปีแล้ว คิดว่าเอิร์ธเขาก็คงโล่งใจ เหมือนเป็นของขวัญให้    เราไม่ได้อยากเป็นข่าว เราอยากบอกตามสัญญา ไม่มีอะไรค้างคาใจ เราก็โล่งใจ เสร็จงานก็โทรบอกเขา เขาก็บอกดีแล้ว เขาบอกเราว่าถ้ามันเป็นความลับคนจะคุ้ย พอพูดไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร เป็นความมโนของหนูเอง พอเปิดแล้วเราก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรนี่หน่า เราไม่ได้ทำอะไรผิด



ขอบคุณภาพและคลิปจากรายการ Club Friday SHOW







อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

"เปาวลี" ซ้อมฮันนีมูนเที่ยวอิตาลีกับครอบครัว "ซูโม่กิ๊ก"