หนุ่มขับบีเอ็มแจ้งความ ร.ต.ท.ทำให้เสียทรัพย์

2019-07-18 23:00:34

หนุ่มขับบีเอ็มแจ้งความ ร.ต.ท.ทำให้เสียทรัพย์

Advertisement

หนุ่มขับบีเอ็มเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา แจ้งความ ร.ต.ท.ทำให้เสียทรัพย์เหตุขับชนท้าย แถมกระโดดใส่รถหลังคาบุบเสียหายกว่า 2.5 แสน แจงขับหนีเพราะกลัวคู่กรณีมีปืน

เมื่อเวลา 14.45น.วันที่ 18 ก.ค. นายเอกราช  ชูใหม่ อายุ 38 ปี  นำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวรุ่น525i หมายเลขทะเบียน 1 กน-2811 กรุงเทพมหานคร ที่ประสบอุบัติเหตุมีสภาพความเสียหายบริเวณกันชนท้ายฝั่งขวาเป็นรอยชนยาว กระจกหน้าแตก ไฟหน้าด้านขวาแตก หลังคารถบุบ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.ลำลูกกา พร้อมกับแจ้งความเพิ่มเติมในข้อหาทำให้เสียทรัพย์กับ ร.ต.ท.จิตต์เกษม จันทร์รัก ผบ.หมวดกองร้อยที่ 2กองกำกับการอารักขา 1 กองกำกับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) คู่กรณีข้อหาทำให้เสียทรัพย์ที่พุ่งตัวใส่รถยนต์ตนเองทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย


นายเอกราช เปิดเผยว่า  ในวันเกิดเหตุตนเองเป็นเจ้าภาพร่วมทอดผ้าป่าที จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากเสร็จแล้วได้เดินทางกลับโดยขับรถขึ้นถนนกาญจนาภิเษกหมายเลข9 บางปะอิน-บางนา มุ่งหน้าเข้ากทม.เวลาประมาณ10.00น.ก็ขับมาเรื่อยๆประมาณความเร็ว110-120/ชม.โดยวิ่งเลนด์ด้านขวา กระทั่งมาเจอรถยนต์คู่กรณีวิ่งอยู่โดยไม่ทราบว่า กม.ที่เท่าไร แต่คาดว่าประมาณกม.ที่6-7 โดยตนเองเห็นแต่ไกลว่าขับแช่ทางด้านขวาตลอด กระทั่งตนเองขับทันรถคู่กรณีที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเพื่อจะแซง ก่อนจะแซงตนรอประมาณ10วินาทีเพื่อดูว่าคู่กรณีจะหลบหรือไม่ เมื่อคู่กรณีไม่หลบตนเองก็ไม่ได้เปิดไฟสูงไล่ หรือบีบแตรใส่  ตนเองจึงเบี่ยงออกซ้ายเพื่อแซง เมื่อแซงเสร็จตนเองจึงเข้าช่องทางด้านขวา ซึ่งแซงปกติไม่ได้มีการปาดหน้าคู่กรณีและขับไปตามปกติ  จนกระทั่งคู่กรณีขับรถเร่งเครื่องมาก่อนจะขับปาดหน้าตนเองแล้วเบรคและขับช้าลงเหลือประมาณ80-90กม./ชม.


นายเอกราช กล่าวต่อว่า ตนคิดในใจแล้วว่าคงไม่พอใจตนเองอย่างแน่นอนที่ขับรถแซง  ตนเองก็รอพักนึง คู่กรณีก็ไม่เร่งเครื่องไปตนเองจึงพยายามแซงแต่คู่กรณีกลับขับส่ายไปมาเพื่อไม่ให้ตนเองแซง แต่รถยนต์ตนมีความแรงมากกว่าจึงหาช่องแซงกระทั่งแซงมาได้ แต่ก็ยังไม่วายคู่กรณีก็ขับเร่งเครื่องมาอีกและชนท้ายรถยนต์ตนเอง พอชนเสร็จตนจึงมั่นใจว่าคู่กรณีเรื่องตนแน่นอน จึงเร่งเครื่องหนีเพราะรถตนมีความแรง ซึ่งรถคู่กรณีตามไม่ทัน ตนมองกระจกมองหลังพบว่าคู่กรณีเปิดกระจกลงแล้วชูมือขึ้นมาโดยมีอะไรบางอย่างที่มือและกวักเรียกตนเอง ตนก็ไม่สนและพยายามหนี โดยคู่กรณีได้ขับตามกระทั่งมาใกล้ถึงด่านเก็บเงินธัญบุรีซึ่งมีการแบ่งช่องเก็บเงินเป็นสองช่องใหญ่ๆ ตนเองจึงโยกเปลี่ยนช่องทางกะทันหันเพื่อไม่ให้รถคู่กรณีตามทัน แต่คู่กรณีกับพุ่งชนแท่งแบริเออร์จนได้รับความเสียหายเพื่อไล่ตามตนเอง  จากนั้นรถตนเองมาถึงช่องอีซี่พาสจึงชะลอความเร็วเพื่อให้ไม้กระดกเปิดขึ้น


นายเอกราช กล่าวด้วยว่า ส่วนคู่กรณีนั้นจอดรถเพราะไม่มีอีซีพาสและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไม้กั้นเปิดขึ้นตนเองจึงเร่งเครื่องหลบหนีเพื่อจะไม่ให้มีปัญหา และในจังหวะนั้นเองคู่กรณีกับพุ่งตัวออกมาใส่รถยนต์ตนเองและตนเองคิดในใจแล้วว่าคู่กรณีต้องมีปืนอย่างแน่นอนเพราะก่อนหน้านี้ได้เปิดกระจกแล้วใช้อะไรบางอย่างกวักมือเรียกตนเอง  เองจึงป้องกันตนเองและพยายามเบี่ยงซ้ายเพื่อให้คู่กรณีหลุดออก และขับไปเพราะตนเองคิดว่าหากลงจอดลงไปอาจจะเป็นอันตรายได้หากคู่กรณีมีอาวุธปืนและอาจถูกยิงแต่จะมีอาวุธปืนหรือไม่ตนเองไม่รู้   ทั้งนี้กรณีคู่กรณีให้สัมภาษณ์กับทีวีช่องหนึ่งว่าที่ลงมาจากรถเพื่อเจราจรซึ่งไม่เป็นไปตามเป็นจริง   ตนเองยอมรับว่าจังหวะที่ชนคู่กรณีนั้นตนเองไม่เห็นว่าคู่กรณีวิ่งออกมาเพราะเป็นซอกตู้เก็บเงิน และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ตนเองเร่งเครื่องหลบหนีเพราะตนเองตกใจและกลัว

นายเอกราช กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนจึงขับออกมาเพื่อตั้งสติและจอดรถริมทางแจ้งบริษัทประกันภัยว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้เพื่อเข้าให้ปากคำ หากให้ตนเองอยู่ ณ เวลานั้นตนขอไม่อยู่ดีกว่า จริงๆแล้วไม่อยากจะแจ้งความดำเนินคดีอะไรเพราะรถยนต์ตนมีประกันภัยชั้น1 แต่การที่คู่กรณีมาชนท้ายรถยนต์และมากระโดดใส่รถยนต์แบบนี้ จากการที่เช็คค่าความเสียหายคร่าวๆนี้กว่า250,000บาท ก็ต้องว่ากันไปตามบริษัทประกัน ซึ่งหากคู่กรณีมีการพูดความจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็พร้อมจะดูแลตามสมควร และขอความอนุเคราะห์จากพลเมืองดีที่วิ่งในเส้นทางวันนั้นหากใครมีกล้องหน้ารถขอให้นำมาให้ตนเพื่อนำเสนอความเป็นจริง