อย่าอยู่กันเลย "ถั่วแระ เชิญยิ้ม" เผยเหตุแยกกันอยู่กับภรรยา 3ปีแล้ว

2019-10-18 07:00:30

 อย่าอยู่กันเลย  "ถั่วแระ เชิญยิ้ม" เผยเหตุแยกกันอยู่กับภรรยา 3ปีแล้ว

Advertisement

เผยเหตุผลสุดช็อกกับการแยกกันอยู่กับภรรยา สำหรับนักแสดงตลกชื่อดัง "ถั่วแระ เชิญยิ้ม"   ซึ่งพักหลังๆ อาจจะไม่ค่อยได้เห็นผลงานบ่อยนัก แถมมีข่าวเมาท์ว่าหมดไฟ เริ่มเบื่อวงการบันเทิง พร้อมกับออกมาเคลียร์เรื่องแยกกันอยู่กับภรรยาแล้ว  โดยเจ้าตัวได้ควงภรรยา "คุณตุ่น"  มาเปิดใจพร้อมกัน ในรายการ คุยแซ่บShow โดยเผยว่า







ช่วงนี้ห่างหายไปไหน?

ถั่วแระ : อยู่บ้านครับ




งานในวงการบันเทิงอะครับ?
ถั่วแระ : งานในวงการก็มันอยู่ที่ผู้จัดนะครับ ความจริงแล้วใจเรายังสู้อยู่นะครับ ไม่ใช่ว่าเราหนีหายไปไหน เพียงแต่ว่าด้วยระบบเศรษฐกิจ ด้วยเรื่องราวการแสดง ไม่ว่าจะเป็นหนัง ละคร หรืออะไรอาจจะเอาวัยรุ่น แล้วเราก็อายุมากขึ้น


คิดว่าน้าถั่วรวยแล้วก็เลยไม่รับงาน?
ถั่วแระ : หูย ใครจะมารวยช่วงวิกฤตแบบนี้ไม่มีใครรวยหรอกครับ




พูดถึงงานในวงการน้าถั่วห่างหายไปนานยัง?

ถั่วแระ : นานมาก น่าจะ 3 ปีได้ หลังจากที่เฮง เฮง เฮง จบปุ๊บละคร หนัง ก็เริ่มห่างออกๆ





รายได้หลักของน้าถั่วตอนนี้มาจากไหน?
ถั่วแระ : ก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวบ้าง แล้วก็ฟรีแลนซ์บ้างอะไรบ้างก็พอจะจุนเจือตัวเราได้



แต่มันมีข่าวออกมาว่าน้าถั่วไม่มีใจ ไม่มีไฟแล้วในการทำงาน?
ถั่วแระ : ผมว่าไม่ใช่หรอกครับ คือเอาอะไรมาเกษียณกับมนุษย์ที่ไม่ใช่เงินเดือน มนุษย์ไม่มีเงินเดือนเนี่ยมันไม่มีคำว่าเกษียณหรอกครับ ยังไงเราก็ต้องสู้ ทำงานให้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ได้ท้อ ไม่ได้ถอยไปไหน แล้วบอกไว้ก่อน เมื่อไหร่ที่จ้าง เมื่อไหร่ที่ต้องการถั่วแระไปได้ ไปทุกงานไม่ได้เลือกงานครับ เป็นตัวอะไรก็ได้ ไปครับขอให้จ้างเถอะครับ




แสดงว่าพร้อมเสมอกับการทำงานในวงการ?

ถั่วแระ : พร้อมครับ






ถ้าคนนอกมองคือร้านก๋วยเตี๋ยวก็ขายดิบ ขายดี?

ถั่วแระ : อาจจะด้วยระบบแบบนี้ 1.เป็นนายกสมาคมศิลปินตลก มีฐานะการงาน เป็นจิตอาสา แล้วก็มีธุรกิจส่วนตัวอะไรประมาณนี้ ความจริงมันต้องแยกกันนะ ต้องแยกเป็นส่วน ส่วน ส่วนว่าตัวผมทำอะไร รับงานได้ไหม ไม่ใช่เหมารวมว่ารวยแล้ว งานเยอะอยู่แล้ว ไม่ใช่ครับ



มีบางคนส่งมาถามหรือว่าติดปาร์ตี้?
ถั่วแระ : ปาร์ตี้อะไรอ่า ไม่ค่อยมีงานรื่นเริง มีแต่งานจิตอาสาโดยตลอดเลย เป็นคนที่มีใจจิตอาสานะ ช่วงนี้ก็ยังทำอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ก็รับเป็นนายกสมาคมเชียร์ไทย โดยเจ้าคุณอลงกตมอบตำแหน่งให้เป็นนายก แล้วยังมีเรื่องราวของจิตอาสาอีกเยอะมากที่จะต้องทำ


แล้วความสัมพันธ์ของน้าตุ่นแล้วน้าถั่วเป็นยังไงบ้าง?
น้าตุ่น : แยกบ้านกันอยู่ ถ้าเราอยู่ด้วยกันมันต้องมีปัญหาแน่ๆ เลย เพราะว่าเขาจะกลับไม่เป็นเวลา ถ้าเกิดอยู่บ้านเดียวกันก็จะมีคำถามว่า ไปไหน, ทำไมพึ่งกลับ



แล้วใครเริ่มก่อน วันหนึ่งฉันอยากจะแยกบ้านอยู่ ใครเป็นคนเริ่มประโยคก่อน?

น้าตุ่น : เขา เพราะว่าเรามีบ้านอยู่ด้วยกันใช่ไหม ทีนี้บ้านตรงข้ามจะขายเราก็เลยซื้อเพื่อที่จะให้ลูกเราอยู่ พอสร้างเสร็จ ซ้อมเสร็จไม่มีใครอยู่ ก็หาโอกาสจากขยับไปอยู่ห้องลูกสาวในบ้านหลังเดียวกันกับเรา ไม่ถึง 5-7 วัน ขยับไปเรื่อยๆ ก็ไปอยู่บ้านหลังนู้นเลย

ทำไมน้าถั่วตัดสินใจพูด ก็รู้อยู่ว่าสามี-ภรรยา เวลาอยู่ด้วยกัน ถ้าหนึ่งวันไม่คุยกัน สองวันไม่คุยกัน สามวันไปย้ายห้องนอน สี่วันย้ายบ้านแล้ว?

น้าถั่ว : เป็นพี่ พี่จะย้ายไหม หลานเต็มบ้าน

น้าตุ่น : คือมันจะเป็นเด็กที่เราอุปการะ คือลูกของพนักงาน เราต้องเลี้ยงลูกพนักงานด้วย

น้าถั่ว : นอนกับเขา แล้วเราควรไปนอนด้วยไหม คือสรุปอย่างนี้ดีกว่าเดี๋ยวจะไปกันใหญ่ ความจริงเราไม่ได้เตียงหัก เราไม่ได้อะไรกันเลย เราสามารถที่จะปกครองครอบครัวของเราได้อย่างดีที่สุด


เกี่ยวไหมพอมีเด็กเข้ามาทำให้ความสวีทของสามีภรรยามันก็เลยจืดจางไป?

น้าถั่ว : ไม่เกี่ยวหรอกครับ ด้วยวัยมากกว่า พอใกล้แล้วบอกว่าเป็นตะคริว แต่เราก็ห่างกันไม่ได้ เราเคยสัญญาและสาบานกันว่าจะจับมือกันแน่นๆ ไปนานๆ เรายังอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกันตลอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่เราจะอยู่ในผ้าห่มผผืนนั้นตลอด แล้วเราจะจับมือกันเดินไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะมีอะไรกันก็แล้วแต่ นี่คือคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ เพราะฉะนั้นผมจะโกรธหรือเตียงหักได้ยังไง มันไม่มีอะไร เพียงแต่ว่าต่างคนต่างทำมาหากิน

น้าตุ่น : ไม่อยากจะใกล้กันแล้ว



คบกันมา 40 ปี น้าถั่วมีนอกลู่ นอกทางบ้างไหม?

น้าถั่ว : ไม่มีผู้ชายคนไหน ไม่มีรอยกลางหลังหรอกครับ มันเป็นลิ้นกับฟัน บางทีเราเป็นนักแสดง บางทีทั้งคนดู นักร้อง นักแสดง บางทีมันก็เกินเลยก็มีบ้างเขาก็ไม่เคยจะบ่นอะไรทั้งนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าผมผิดอะไร แต่มันก็ไม่แน่นอนหรอกครับ

เราใช้คำนี้ได้ไหม เราแยกกันอยู่เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย?


น้าตุ่น : ใช่

น้าถั่ว : ตั้งแต่รัก แต่งงาน กันมา 40 กว่าปีไม่เคยทำอะไร



ลูกที่เรียนอยู่อเมริกาเป็นยังไงบ้าง?

น้าถั่ว : ก็เรียนจบแล้ว ตอนนี้กำลังหางานทำอยู่ ยังไม่กลับมา



เห็นน้าถั่วบอกว่าลูกสาวปล่อยให้ทำอะไรเองตั้งแต่เล็กๆ ?

น้าถั่ว : ใช่ ให้เขาช่วยดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะอาบน้ำกินข้าว ใส่ถุงเท้า รองเท้า ให้เขาแยกห้องตั้งแต่อนุบาล


แยกห้องตั้งแต่อนุบาลพ่อ แม่ทำใจได้หรอ?

น้าถั่ว : มันต้องทำ ตอนนั้นเราก็เปิดร้านอาหาร ช่วยกันดูแล มันไม่มีเวลา เราก็มุ่งแต่ตลก กว่าจะกลับก็เที่ยงคืน ตี1

น้าตุ่น : ลูกสาวก็ไปอยู่ต่างประเทศประมาณ 5 ปี ก็ไปเรียนจบโทมา 3 ปีแล้ว พอเขาจบเสร็จก็กลับมาฉลองที่กรุงเทพฯ แล้วก็กลับไปอเมริกาต่อ



ทำไมเขาไม่อยู่ที่นี่?
น้าตุ่น : เขาไม่อยากอยู่ เขาอยากค้นหาตัวเองอยู่ที่เมืองนอก



คุณพ่อ คุณแม่เสียใจไหม?
น้าตุ่น : ตอนแรกสัญญากันว่าจะกลับมาแล้วนี่เขาไม่กลับก็ไม่รู้จะพูดยังไง



เห็นว่าช่วงที่ลูกใกล้จะเรียนจบช่วงนั้นมีค่าใช้จ่ายด้วย?
น้าถั่ว : ใช่ครับ


ช่วงนั้นงานในวงการของน้าถั่วก็เริ่มน้อยลงด้วย กระทบไหม?

น้าถั่ว : ก็โยนให้แม่เขาหมด



น้าตุ่น : ตอนนั้นเราก็บูมเรื่องก๋วยเตี๋ยวก็เลยมีเงินก้อนหนึ่ง เขาก็มาบอกว่าเขาจะไปเรียนเมืองนอก



ถ้าตอนนี้ลูกสาวบอกจะไม่กลับไทยแล้ว ถ้าถั่วกับน้าตุ่นโอเคไหม?

น้าตุ่น : ก็ต้องโอเค มันห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว เขาอยากจะไปตั้งรกรากอยู่ที่นั้นอยู่แล้ว



แล้วคุยกันบ่อยไหม?

น้าตุ่น : ไม่ค่อยบ่อย ใช้โทร.คุย บางทีก็เป็นเดือน บางทีเดือนละครั้ง บางทีสองเดือน บางทีคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องเลิกคุยกัน


น้าถั่ว : ทุกวันนี้เขาก็มาบอกว่าทุกวันจันทร์หนูจะโทร.หาพ่อ เวลาประมาณนี้ พ่อรับสายหนูด้วยนะ เราก็บอกว่าได้เลย มีอะไรก็โทร.มาหาพ่อได้ทุกเวลาไม่ต้องนัดแนะพ่อเลย ถ้าพ่อรู้ว่าหนูโทร.มา เดี๋ยวพ่อก็จะโทร.กลับ