ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำคุก “ป๋านัส-ป๋าต้น”เชียร์แขกวิคตอเรียซีเครท

2019-11-19 13:10:17

 ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำคุก “ป๋านัส-ป๋าต้น”เชียร์แขกวิคตอเรียซีเครท

Advertisement

ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษจำคุก “ป๋านัส-ป๋าต้น” พนักงานเชียร์แขกวิคตอเรีย ซีเครท 120 ปี รับสารภาพเหลือโทษจำคุก 60 ปี รวมกับศาลชั้นต้นลงโทษฐานเป็นผู้ดูแลสถานค้าประเวณี 2 ปี 6 เดือน เป็นจำคุก 62 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกสูงสุดคนละ 50 ปี พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายชาวเมียนมา คนละ 80,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถนน รัชดาภิเษก เวลา 09.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์สถานบริการอาบอบนวด "วิคตอเรีย ซีเครท" ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายมนัส หรือป๋านัส อ่วมทับ อายุ 49 ปี และนายสมชาย หรือป๋าต้น แสงอุดม อายุ 53 ปี พนักงานเชียร์แขก ในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยบังคับขู่เข็ญ , เป็นธุระจัดหา ชักพาไปหญิงสาวอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 , พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 , พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 21 เม.ย.2561 พฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างต้นเดือน ธ.ค. 2560 - วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด - 12 ม.ค.2561 พวกจำเลยได้สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี ซึ่งได้วางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ เป็นธุระจัดหา ชักพาไปหญิงสาว สัญชาติเมียนมา และสัญชาติไทยรวม 9 คน ซึ่งมีอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี ให้มาค้าประเวณี ที่สถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท

เดิมทั้ง 2 คนถูกฟ้องร่วมกับนายศรัทธาธรรม หรือ ป๋าติ๊ก แจ้งฉาย อายุ 67 ปี ผู้จัดการสถานบริการอาบอบนวด กับพวกรวม 9 คน เมื่อเดือน เม.ย.2561 แต่ชั้นพิจารณามีเฉพาะ นายมนัส และนายสมชาย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายศรัทธาธรรม กับพวกจำเลยที่เหลืออีก 7 รายให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดีจึงแยกสำนวนฟ้อง

คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2561 เห็นว่านายมนัสและนายสมชาย มีความผิดฐานเป็นผู้ดูแลกิจการค้าประเวณี และเป็นธุระจัดหาจำคุก คนละ 46 ปี โดยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้ 22 ปี 12 เดือน โดยคดีนี้จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษด้วย ขณะที่วันนี้ ศาลได้เบิกตัวทั้ง 2 คนมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเพื่อฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ทั้งนี้ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า ในข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้ง2 ฐานเป็นผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการ สถานค้าบริการประเวณีซึ่งมีบุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน18ปี จำคุก 2 ปี 6 เดือน นั้นความผิดในส่วนนี้คู่ความไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว ส่วนที่จำเลยทั้ง 2 คน อุทธรณ์ว่าคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวพันคดีของนายศรัทธาธรรม ซึ่งเป็นผู้จัดการสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท กับพวกรวม 7 คน ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ได้ยื่นฟ้องและศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 7 ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำความผิดค้ามนุษย์ด้วยการค้าประเวณี โดยลงโทษเฉพาะข้อหาเป็นธุระจัดหาบุคคลเพื่อสนองความใคร่และค้าประเวณี คดีของจำเลยทั้ง2 จึงต้องยกฟ้องในข้อหาดังกล่าวด้วย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการจะพิจารณานั้นต้องดูรูปเรื่องทั้งหมดซึ่งคดีของจำเลยทั้ง2 อัยการโจทก์ก็ได้บรรยายพฤติการณ์ฟ้องและนำสืบพยานหลักฐานจนฟังได้ว่า ร่วมกันกระทำผิดโดยสมคบตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีและเป็นธุระจัดหาบุคคลสนองความใคร่ผู้อื่น และที่จำเลยทั้ง2 อุทธรณ์ขอให้พิจารณาลงโทษสถานเบาหรือรอลงโทษนั้นศาลอุทธรณ์เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยทั้ง2 คน ที่โจทก์ฟ้องนั้นได้กระทำผิดต่อบุคคลจำนวนมาก ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี จากการค้าประเวณีอีกทั้งยังเป็นการกระทำที่อุกอาจ ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน อุทธรณ์ของจำเลยทั้ง2 จึงฟังไม่ขึ้น

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิ่มโทษรายกระทงเป็น 2-10 ปี จากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา กระทงละ2-5ปี โดยข้อหาที่โทษหนักที่สุดคือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีและเป็นธุระจัดหา บุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18ปี จำคุก 7 กระทงๆละ 10 ปี เป็นจำคุก 70 ปี โดยรวมกับโทษ ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลให้ค้าประเวณีโดยขู่เข็ญ และข้อหาอื่นอีกหลายกระทง รวมจำคุกนายมนัส และนายสมชายทั้งสิ้น 120 ปี จำเลยรับสารภาพเหลือโทษจำคุก 60 ปี โดยรวมกับที่ศาลชั้นต้นลงโทษฐานเป็นผู้ดูแลสถานค้าประเวณี 2 ปี 6 เดือน เป็นจำคุก 62 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกสูงสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เป็นจำคุกคนละ 50 ปี และพิพากษาให้จำเลยทั้ง 2 ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหาย 2 ราย สัญชาติเมียนมา คนละ 80,000 บาท รวม 1.6 แสนบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง 21 เม.ย. 2561