“ดร.เจษฎ์” ชี้ยุบ อนค.หรือไม่การขับเคลื่อนการเมืองก็ไม่สิ้นสุด

2020-01-21 05:00:22

“ดร.เจษฎ์” ชี้ยุบ อนค.หรือไม่การขับเคลื่อนการเมืองก็ไม่สิ้นสุด

Advertisement

“ดร.เจษฎ์” ชี้อนาคตใหม่ถูกยุบหรือไม่ การขับเคลื่อนทางการเมืองก็ไม่สิ้นสุด ไม่เห็นด้วยการเมืองลงถนน

จากกรณีที่นายณฐพร โตประยูร ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหาว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร เลขาธิการพรรค และพรรคอนาคตใหม่ มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต่อมา กกต. มีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรรมนูญเพื่อขอให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัยวันที่ 21 ม.ค.นั้น 

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางกฎหมาย เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวกับทีมข่าวนิว 18 ว่า กรณีที่พรรคถูกยุบหรือไม่ยุบ การขับเคลื่อนการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ก็ยังไม่สิ้นสุดบทบาทลงไป อีกทั้งพรรคอนาคตใหม่ยังมีคดีอื่นที่ยังค้างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ เช่นคดีเงินกู้พรรค หากไม่ถูกยุบภาวะการของพรรคอนาคตใหม่ก็อาจจะไม่แตกต่างไปจากนี้นักโดยพรรคอาจจะทำการเมืองไปเรื่อยๆ รอว่าคดีที่มีอยู่คดีไหนจะเข้าข่ายให้พรรคถูกยุบ แต่หากว่าถูกยุบพรรค พลวัตการขับเคลื่อนของพรรคอนาคตใหม่จะต้องเปลี่ยนไปเพราะสมาชิกที่เป็นส.ส.ของพรรคก็จะต้องย้ายพรรคภายใน 60 วัน ลักษณะการย้ายก็อาจจะเป็น การย้ายไปอยู่พรรคหนึ่งพรรคใดทั้งกลุ่มซึ่งอาจจะเป็นพรรคที่เตรียมการไว้อยู่แล้ว หรือย้ายไปอยู่พรรคที่มีส.ส.และเป็นพรรคฝ่ายค้าน หรือการย้ายพรรคแบบกระจัดกระจายที่อาจจะมีกลุ่มหนึ่งไปอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาล หรือการย้ายออกจากฝั่งของฝ่ายค้านซึ่งการย้ายลักษณะนี้เป็นไปได้น้อยมาก

ดร.เจษฎ์ กล่าวต่อว่า หากส.ส.ย้ายไปอยู่พรรคหนึ่งพรรคใดที่เตรียมการไว้อยู่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านบอกว่ากระแสการลงถนนอาจจะเบาบางไปเพราะพรรคฝ่ายค้านยังขับเคลื่อนการทำงานในสภาได้อยู่ แต่หากไปอยู่ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ที่แกนนำพรรคว่าจะจุดประกายได้แค่ไหนให้ประชาชนรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมในสังคม

ส่วนการที่พรรคอนาคตใหม่เหมือนจะยอมรับว่าถูกยุบพรรคแน่ การเตรียมพรรคสำรองไว้แล้วนั้น ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคมีการเตรียมการเอาไว้ไม่มากก็น้อย หากเกิดการพลิกผันทางการเมืองโดยเฉพาะถูกยุบพรรค เป็นบริบททั่วไปของการเมืองในปัจจุบัน

สำหรับผลลัพธ์ของคดีที่จะออกมาว่าพรรคจะถูกยุบหรือไม่ยุบนั้น ส.ส. 11 คนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคจะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร ดร.เจษฎ์ มองว่า การบริหารพรรคก็คือแกนนำพรรคที่เป็นแกนนำทั้งในส่วนของพรรคและแกนนำในสภาฯ มองว่าทุกคนจะยังคงบทบาทของการเป็นแกนนำ แต่จะเป็นแกนนำแบบความคิดใหม่หรือไม่เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่า ส.ส.จะไปอยู่สังกัดไหน หากส.ส.แยกตัวกันไปแบบกระจัดกระจายอาจจะเป็นแกนนำทางความคิดที่ทำงานอยู่นอกสภาฯก็เป็นได้ มองว่าการลงถนนที่อนาคตใหม่บอกว่าเป็นสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยนั้น ควรจะเป็นการชุมนุมโดยเสรีภาพที่ปราศจากอาวุธ แต่หากเป็นการชุมนุมแบบ กปปส.เคยทำนั้นเป็นการชุมนุมที่ขัดต่อกฎจราจร เพราะการชุมนุมในลักษณะดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของใครและเกิดผลเช่นไรก็มองว่า เป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนและเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ