ผู้ติดเชื้อใหม่ รายงานวันสงกรานต์ 13 เม.ย.63 เพิ่มขึ้น 28 คน จำนวนสะสมเป็น 2,579 คน หายป่วยอีก70 คน รวมทั้งสิ้น 1,288 ราย (49.9%)
เป็นข่าวดีในวันมงคล แม้จะเล่นสาดน้ำไม่ได้ก็เถอะ
ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 รวม40 ราย โดยทั้ง 2 ไม่ใช่ผู้สูงอายุ รายแรกวัย 56 มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยที่สนามมวย อีกราย วัย 43 มีโรคประจำตัว ไตเรื้อรัง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง การสัมผัสผู้ป่วย คนมีโรคประจำตัวรุม มีความเสี่ยงสูงยิ่ง
ส่วนกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ยอดลงต่ำกว่า 30 เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่พบผู้ป่วยถึง 18 ราย กลับจากต่างประเทศ 1 ไปในที่ชุมนุมชน ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด แหล่งท่องเที่ยวอีก 1 อาชีพเสี่ยง 2 บุคลากรทางการแพทย์ 3
จำไว้ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยหรือที่ข้องแวะกับสถานที่พบผู้ป่วย ตรงไหนแออัด คนเยอะ หากจำเป็นก็ต้องป้องกันให้สุดๆ ทำนองเดียวกัน คนมีอาชีพเสี่ยงรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ อย่าให้การ์ดตก
สถิติต่ำกว่าร้อยติดต่อกันห้าวัน แต่หมอใหญ่ ระดับ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า อย่าเพิ่งวางใจจนออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ อาจเสี่ยงติดเชื้อโรคได้ ที่ผู้ป่วยใหม่ลดลง ส่วนหนึ่งจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ การปิดพื้นที่เสี่ยง ยกเลิกเที่ยวบินจากต่างประเทศ และนำคนไทยที่กลับเข้ามา สู่การกักกันโดยรัฐ(State Quarantine) ทุกคน หากป่วยก็รักษาทันที พร้อมกันก็ดำเนินการค้นหาเชิงรุก (Active case finding) ในแหล่งที่พบผู้ป่วยจำนวนมาก เช่น กทม.ชลบุรี กระบี่ ภูเก็ต นนทบุรี จึงค้นพบรายใหม่และผู้สัมผัสใกล้ชิดนำเข้าสู่ระบบอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องเฝ้าระวังแบบไม่กระพริบตา คือสถานการณ์ต่างประเทศ ทั้งใกล้ ไกล มีผู้ป่วยใหม่และอัตราการตายที่เพิ่มอย่างมีนัย
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รายงานว่า ประเทศอินเดีย ที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลก มีผู้ติดเชื้อเพิ่มจาก 1,998 ราย เป็น 9,166 ราย เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า ชั่วไม่ถึง 2 สัปดาห์ คร่าชีวิตพลเมืองอินเดียไปแล้วกว่า 325 คน
ประเทศญี่ปุ่นที่ทำท่าจะดี ก็กลับต้องประกาศภาวะฉุกเฉินซ้ำที่ จ.ฮอกไกโด ทางเหนือสุดของญี่ปุ่น หลังจากยกเลิกไปเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา
แนวโน้มที่ดูดีขึ้นในเมืองไทย จึงไม่ใช่หลักประกันว่าแน่
แต่เป็นสัญญาณว่าต้องเข้มต่อไป อย่างที่ตำรวจห้ามกระทั่งตั้งถังสาดน้ำหน้าบ้านตัวเองก็ไม่ได้เป็นการแพร่เชื้อ!!!