15เม.ย.63 ครบ 1 เดือนที่สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เริ่มเก็บข้อมูล ทำสถิติ นับแต่จำนวนผู้ป่วยสะสมครบ 100 คน ในวันที่ 15มี.ค.63 เป็นต้นมา
กราฟแสดงผู้รักษาหายต่อวันและผู้รักษาหายสะสม จะเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงที่ชวนให้ใจชื้น เส้นจุดสีแดง บอกจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ยกตัวชันขึ้นไปถึงระดับ 200 แล้วคงตัวที่ระดับ 100ปลายๆ จนถึงวันที่ 11เม.ย.63ก็ค่อยลดต่ำลง
เส้นจุดสีเขียว หมายถึงผู้รักษาหายรายใหม่ ขยับเพิ่มช้าๆ จากวันละไม่ถึง 20 คน ยกตัวขึ้นถึงราว ๆ 40 และเหินต่อเนื่องเป็นเนินเขาสูง จนถึงวันละ 200
เส้นแนวตั้งสีส้ม แสดงผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน ขึ้นระดับสูงถึง 188 เมื่อ22 มี.ค.63และคงอยู่ระดับ 100 ต้นๆ ถึงวันที่ 8 เม.ย.63 จากนั้นจึงลดต่ำลงที่หลักสิบ และคงต่อเนื่องตั้งแต่ 9 เม.ย.63 จนถึงวันนี้ เส้นสีเขียวแนวตั้ง แทนผู้รักษาหายในแต่ละวัน จากที่เคยเตี้ยเรี่ยพื้น ก็กระโดดพุ่งสูงสุดวันที่ 31มี.ค.63 ถึง 215 ราย จากนั้นก็ไล่ระดับใกล้เคียงกับผู้ติดเชื้อรายใหม่ จนกลายเป็นฝ่ายสูงกว่าตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.63 เป็นต้นมา คาดกันว่า การลดลงในเดือน เม.ย.อาจเป็นผลสืบเนื่องจากคนหยุดอยู่กับบ้านมากขึ้น ประกอบกับการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานช่วงสี่ทุ่มถึงตีสี่
รายงานล่าสุด ของวันที่ 15 เม.ย.63 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่ม 30 ราย รวมเป็นยอดสะสม 2,643 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่ 68 จังหวัด ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวม 43 รักษาหายป่วยแล้ว 1,497 ราย (56.6%) เพิ่มขึ้น 92 ราย จนถึงวันนี้ มี 9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และ อ่างทอง กระนั้นก็ดี ความพยายามละเมิดกฎการห้ามออกนอกบ้านหลังสี่ทุ่มยังมีอยู่ให้ตำรวจจับได้แทบทุกวัน พื้นที่ภาคกลางพบการมั่วสุมบ่อยครั้ง แต่ก็มีชาวบ้านช่วยกันแจ้งเบาะแสกับทางการไปจัดการ แม้สถานการณ์ในประเทศเป็นที่เชื่อว่าเป็นไปด้วยดี แต่ต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน เช่นสิงคโปร์ จำนวนผู้ติดเชื้อแซงหน้าไทยขึ้นไปถึง 3,252 ในขณะที่ ประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ก็มีผู้ป่วยมากเกินหน้าเราอยู่ต่อเนื่องหลายสัปดาห์แล้ว คนไทยนับพันในประเทศกลุ่มนี้กำลังทยอยกลับมา ความเข้มข้นในการกักตัว ตรวจอาการทันทีที่เหยียบแผ่นดิน รวมถึงชาวต่างชาติที่ผ่านเข้าเมืองจึงลดหย่อนไม่ได้ กับกลุ่มที่มั่วสุม พยายามละเมิดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก็ยอมไม่ได้