"ตูน บอดี้สแลม"เผยวิ่ง 9 วันมีความสุข เจอแต่รอยยิ้ม ขอบคุณได้รับพลังงานพิเศษจากทุกคน ไม่ขอรับคำชม ให้มองข้ามไปยังคุณหมอ พยาบาลที่ไม่เคยหยุดทำหน้าที่
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” นักร้องชื่อดัง กล่าวถึงการวิ่ง 9 วันที่ผ่านมา ในโครงการ "ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 รพ.ทั่วประเทศ" ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ "ก้าวคนละก้าว" ว่า มีความสุขร่างกายก็ปกติ คิดว่าไปได้เรื่อยๆ 9 วันได้เจอแต่ รอยยิ้ม คนเข้ามาเยอะมาก ทุกคนร้อน ทุกคนรอ ยืนตากฝน แต่ทุกคนมีรอยยิ้ม คาดไม่ถึง ไม่คิดว่าจะมีคนที่เห็นด้วยและออกมาช่วยกันเยอะขนาดนี้ เป็นความเกินคาดในแง่ดี
เมื่อ ถามว่ากลัวหรือไม่ในการวิ่งที่จ.ยะลา ปัตตานี ตูน กล่าวว่า ก่อนที่จะลงไปไม่กลัวอะไรเลยครับ พอลงไปยิ่งไม่กลัว เราก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ปลอดภัยยังมีเรื่องราวเกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่คิดว่าเราลงไปเจตนาดี ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในการวิ่งครั้งนี้ผมก็ถือว่าไม่เป็นไรมันเป็นเหตุที่เราควบคุมไม่ได้ อยากบอกว่าขอบคุณทุกคนมาก เราได้รับพลังงานพิเศษจากทุกคน ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอภาพแบบนี้
ตูน กล่าวต่อว่า ในการวิ่งไม่ได้เตรียมการอะไรเป็นพิเศษเอาแต่ใจไปวิ่ง เรานึกถึงปลายทางในการวิ่งว่าจะช่วยโรงพยาบาลอย่างไร เรามีแรงมีพลังงานบวกทำให้เราอยู่ตรงนั้นอย่างมีความสุขแม้ไม่สบายก็ตาม
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่คนยกย่องเป็นฮีโร่เป็นวีรบุรุษ ตูน กล่าวว่า ไม่เลยครับ ไม่จริงๆถ้าจะมีใครสักคนที่ได้รับคำชมหรือการยกย่องผมอยากให้มองข้ามผม ได้โปรด มองไปยังคุณหมอ พยาบาล แม้ตอนที่เรากำลังนั่งคุยกันแอร์เย็นๆตอนนี้เขาก็กำลังทำหน้าที่อยู่ เราพักแต่เขายังวิ่งอยู่ วิ่งรักษาพ่อเราแม่เรา ลุงป้าน้าอา ลูกเรา ได้โปรดให้กำลังใจเขายกย่องเขามากกว่า ผมไม่ได้ทำอะไรพิเศษเลยครับ ส่งกำลังใจให้เขาเยอะๆอีก 50 วันเราต้องหยุดวิ่ง แต่เขายังต้องวิ่งต่อไป ดังนั้นเราต้องส่งมอบอุปกรณ์ให้เขาวิ่งสะดวกสบายเครื่องมือดี เตียงดี สุดท้ายประโยชน์ก็จะตกอยู่กับพวกเรา สิ่งที่ผมจะรับไว้อย่างเดียวคือ สู้ๆอันนี้ผมจะรับไว้ การพักวันนี้ทำให้นอน 8 ชั่วโมงครั้งแรกหลังจากวิ่งมา 9 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพูดคุยได้มีการถามถึงแผลที่มือ ตูน กล่าวว่า เกิดจากการทักทายประชาชนซึ่งก็ไม่เป็นไรเพราะตอนเล่นคอนเสิร์ต ก็เจอเช่นกัน พร้อมกล่าว ติดตลกว่า ตัดเล็บหน่อยก็ดี ตอนนี้สิ่งที่ผมห่วงคือเด็กและคนแก่ที่ออกมาอยู่ท่ามกลางมวลชนเยอะๆพอผมไปถึงพวกเขาจะโดนเบียดมากๆ ทั้งนี้สิ่งที่อยากได้ไม่ใช่ตัวเงินหรือขวัญกำลังใจต่อคุณหมอพยาบาล แต่อยากให้คนหันมาออกกำลังกายดูแลตัวเองมากขึ้นจะลดคนไปใช้โรงพยาบาล