×ข่าวรายการผังรายการรายการสด ร่วมงานกับเราติดต่อเรา

หนุ่มเสพยาเพี้ยน แก้ผ้าโชว์กลางศาลหลักเมือง สะท้อนปัญหาสังคม

หนุ่มเสพยาเพี้ยน แก้ผ้าโชว์กลางศาลหลักเมือง สะท้อนปัญหาสังคม
2024-08-28 15:35:19

หนุ่มเสพยาเพี้ยน แก้ผ้าโชว์กลางศาลหลักเมือง สะท้อนปัญหาสังคม แก้ไขกันยังไงทำไมถึงเกลื่อนประเทศ ?



เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.67) ศูนย์วิทยุ 191 อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุชายเปลือยกายมานั่งอยู่ที่ศาลหลักเมืองอุดรธานี ทำให้ชาวบ้านที่เดินทางมาบริเวณดังกล่าวต่างแตกตื่นตกใจและไม่กล้าเข้าไปกราบไหว้สักการะศาลหลักเมือง หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบชายคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิและไม่มีเสื้อผ้าใส่แม้แต่ชิ้นเดียว 




ชายคนดังกล่าวต่อมาได้ถูกระบุชื่อว่า นายเอ๋ อายุ 36 ปี เป็นชาวบ้านจาก ต.โคกสะอาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ผ้าขาวม้ามาให้สวมใส่และนำตัวส่งโรงพยาบาลอุดรธานี พร้อมประสานญาติให้ทราบ



นายเอ๋ เล่าว่า เขาเสพยาไป 1 เม็ด ทำให้เกิดอาการหลอนและรู้สึกไม่สบายตัว จึงขี่รถจักรยานยนต์เปลือยกายมาที่ศาลหลักเมืองเพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายในร่างกาย โดยเขามานั่งอยู่ที่นั่นตั้งแต่เช้าและไม่รู้จะไปที่ไหนต่อ เมื่อถูกถามว่าต้องการให้ช่วยอะไร นายเอ๋ ตอบว่า อยากให้พากลับบ้าน แต่ก็กลัวว่าพ่อแม่จะไม่สบายใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เกลี้ยกล่อมจนเขายอมใส่เสื้อผ้า ก่อนพาไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี และติดต่อญาติให้มารับ



ด้านคุณแม่ของนายเอ๋ ที่เดินทางมารับลูกชายด้วยอาการเศร้าหมอง ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ลูกชายมีอาการผิดเพี้ยนจากการเสพยา และเคยอาละวาดที่บ้าน ทำให้เป็นห่วงมาก แต่ไม่รู้ว่าลูกชายแก้ผ้าขี่รถเข้ามาในเมืองได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เคยพาไปบำบัดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เลิกขาด หวังว่าครั้งนี้จะสามารถพาไปบำบัดอีกครั้งและกลับมาเป็นลูกชายคนเดิมได้ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอีกในอนาคต



เหตุการณ์ชายหนุ่มวัย 36 ปี แก้ผ้าเปลือยกายนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ศาลหลักเมืองอุดรธานี เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจและสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคมที่เกิดจากการเสพยาเสพติดอย่างรุนแรง เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้พบเห็น และสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

การเสพยาเสพติด ปัญหาเรื้อรังที่คุกคามสังคม
ปัญหาการเสพยาเสพติดเป็นปัญหาที่สังคมไทยเผชิญมานาน และยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคม ผู้เสพยาเสพติดมักประสบปัญหาสุขภาพจิต และอาจก่อให้เกิดอาการหลอน ประสาทหลอน หรือมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มรายนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผลกระทบที่เกิดจากการเสพยาเสพติด





ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดปัญหาการเสพยาเสพติด
ความเครียด: ปัญหาส่วนตัว ความเครียดจากการเรียน การทำงาน หรือปัญหาครอบครัว อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้บุคคลหันไปพึ่งยาเสพติดเพื่อหลีกหนีความทุกข์

สภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเสพยา เช่น กลุ่มเพื่อนที่เสพยา หรือการเข้าถึงยาเสพติดได้ง่าย อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุคคลเริ่มต้นเสพยา

ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์: การขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของยาเสพติด ทำให้เยาวชนและผู้ใหญ่จำนวนมากหลงผิดคิดว่าการเสพยาเป็นเรื่องสนุกหรือเป็นทางลัดในการแก้ปัญหา

ผลกระทบของการเสพยาเสพติด


ผลกระทบต่อสุขภาพ: การเสพยาเสพติดทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการทางกายและจิต เช่น ประสาทหลอน หลงผิด และอารมณ์แปรปรวน

ผลกระทบต่อครอบครัว: ผู้เสพยาเสพติดมักละเลยหน้าที่ในครอบครัว ทำให้ครอบครัวแตกแยก และเกิดปัญหาทางสังคม

ผลกระทบต่อสังคม: การเสพยาเสพติดเป็นสาเหตุของอาชญากรรมต่างๆ เช่น การลักทรัพย์ การปล้น และการฆาตกรรม ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสังคม

แนวทางการแก้ไขปัญหา
การป้องกัน: สร้างความตระหนักรู้ให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับอันตรายของยาเสพติด จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาศักยภาพของเยาวชน

การบำบัดรักษา: จัดตั้งศูนย์บำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดอย่างครบวงจร และให้การสนับสนุนผู้ที่ต้องการเลิกยาเสพติด



การบังคับใช้กฎหมาย: ปราบปรามการผลิตและจำหน่ายยาเสพติดอย่างเข้มงวด



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเตือนสติให้สังคมตระหนักถึงปัญหาการเสพยาเสพติด และร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและปราศจากยาเสพติด

- ทุกคนคิดว่าอะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ปัญหาการเสพยาเสพติดในไทยยังคงมีอยู่ ?

- ควรมีมาตรการใดบ้างเพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนหันไปเสพยาเสพติด ?

- สังคมควรให้โอกาสผู้ที่เคยเสพยาเสพติดในการกลับตัวเป็นคนดีหรือไม่ ?

บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาการเสพยาเสพติด และกระตุ้นให้เกิดการตระหนักรู้ในสังคม หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้