ช็อกโลก !! "ดิดดี้" อั้งยี่ฮิปฮอปเจอรวบเข้าซังเต ตร.ฟาดข้อหาทางเพศเพียบ !! บุกคฤหาสน์พบอุปกรณ์ความใคร่นับพันชิ้น 
วงการฮิปฮอปทั่วโลกตกตะลึงเมื่อมีข่าวว่า P. Diddy หรือ "ฌอน คอมบ์ส" ราชาแห่งวงการเพลงฮิปฮอป ถูกจับกุมตัวตามหมายจับของทางการ ข้อกล่าวหาเบื้องต้นคือ สมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงและค้ามนุษย์ รวมถึงการจัดงานปาร์ตี้ที่เรียกว่า "ฟริคออฟ" ซึ่งเป็นคดีที่มีความรุนแรงและสร้างความสะเทือนใจให้กับแฟนเพลงเป็นอย่างมาก
จากหลักฐานเอกสารทั้ง 14 หน้าที่ทางรัฐเปิดเผยออกมา แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนในองค์กรอาชญากรรมที่มีสมาชิกและผู้ร่วมขบวนการเข้าร่วมในอาชญากรรมอื่นๆ รวมถึงการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน การลักพาตัว การลอบวางเพลิง การให้สินบน และการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม โดยอธิบายว่า “ฟริคออฟ” เป็นช่องทางที่ "พี ดิดดี้" ใช้ในการกระทำทารุณกรรมผู้หญิง โดยมีการบังคับให้เข้าร่วมปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่กับผู้ชายขายบริการ ซึ่งเจ้าตัวนั่งดูและสไลด์หนอนตัวเองไปด้วย พร้อมๆ กับการบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจออกหมายจับจับกุมตัว "P. Diddy" ทันที เหตุการณ์นี้สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียลมีเดีย โดยมีทั้งผู้ที่เชื่อว่า P. Diddy บริสุทธิ์และผู้ที่เชื่อว่าเขาสมควรได้รับโทษตามกฎหมาย
การจับกุมตัวของ P. Diddy ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อวงการฮิปฮอปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าผลของคดีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของเขาจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แฟนเพลงจำนวนมากรู้สึกผิดหวังและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่บางส่วนก็ยังคงให้กำลังใจและเชื่อมั่นในตัวเขา
หลายคนสงสัย "ปาร์ตี้สีขาว - ฟริคออฟ" นั้นคืออะไร ?
อัยการชี้แจงว่า "ปาร์ตี้สีขาว" เป็น “กิจกรรมทางเพศที่มีการวางแผนอย่างซับซ้อน” โดยเขาได้จองห้องพักในโรงแรมและจัดหาผู้ให้บริการทางเพศ รวมถึงแจกจ่ายยาเสพติดต่างๆ อาทิ โคเคน เมทแอมเฟตามีน และออกซีโคโดน เพื่อควบคุมผู้ร่วมงานให้เชื่อฟัง นอกจากนี้ ทีมงานของเขายังอำนวยความสะดวกในการเดินทางและเตรียมสิ่งของสำหรับการปลดเปลื้องความหื่นกระหายผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งบางครั้งงานเหล่านี้อาจกินเวลาหลายวันด้วยกัน จนหลายคนต้องใช้ยาบางอย่างฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อฟื้นฟูร่างกายจากการโหมหนักในปาร์ตี้ดังกล่าว
พร้อมสาธยายว่า “ฟริคออฟ” นั้นเป็น “กิจกรรมทางเพศที่มีการวางแผนและจัดเตรียมไว้อย่างละเอียด” มีการใช้ยาเสพติดและจัดหาผู้ให้บริการทางเพศ รวมถึงบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ โดยตามรายงานจากนิวยอร์กไทมส์ ทีมกฎหมายของคอมบ์สได้ชี้แจงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นความสมัครใจ โดยอุปกรณ์บำบัดความใคร่ที่พบเป็นจำนวนมากนั่นก็คือ "เบบี้ออยล์" และที่ขาดไม่ได้คือยาเสพติดและเครื่องมือบันทึกต่างๆ รัฐบาลอ้างว่า "คอมบ์ส" ได้บันทึกภาพเหตุการณ์และใช้เป็นเครื่องมือแบล็กเมลเพื่อบังคับให้ผู้ร่วมงานปิดปากให้สนิท
"แคสซี่ เวนทูรา" อดีตคนรักของ "คอมบ์ส" ฟ้องร้องเขาโดยกล่าวหาว่าข่มขืน ค้ามนุษย์ และทำร้ายร่างกาย เธอยังกล่าวหาว่าแฟนเก่าคนนี้อยู่เบื้องหลังการระเบิดรถของ "คิด คูดี้" แฟนหนุ่มของเธอในขณะนั้น คดีนี้ถูกยุติด้วยการตกลงนอกศาลในวันถัดไป ซึ่งนอกจากคดีของ "แคสซี่" แล้ว "คอมบ์ส" ยังต้องเผชิญกับคดีฟ้องร้องทางแพ่งอื่นๆ จากผู้หญิงที่กล่าวหาว่าเขากระทำการทารุณกรรมทางเพศโดยใช้ยาเสพติด หนึ่งในผู้ร้องทุกข์ชื่อ "เอเดรีย อิงลิช" อ้างว่าเขาคนนี้เคยบังคับให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับแขกในงาน “ปาร์ตี้สีขาว” อันฉาวโฉ่สุดกระฉ่อนของเขา
หลังจากที่คนดังอย่าง "พี.ดิดดี้" ถูกรวบตึง ภาพถ่ายจากงานปาร์ตี้ "White Parties" หรือ “ปาร์ตี้สีขาว” ของเขาก็กลับมาปรากฏในโลกออนไลน์อีกครั้ง โดยแสดงให้เห็นภาพของดาราระดับแนวหน้า ตั้งแต่ไอดอลวัยรุ่นไปจนถึงผู้นำแฟชั่นที่มาร่วมงานนี้ในย่าน "แฮมป์ตันส์" นำโดย "ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ" ตอนอายุ 25 ปี ดาราหนุ่มน้อยนั่งอยู่ข้าง "ดิดดี้" ท่ามกลางเพื่อนๆ ของเขาในขณะที่กำลังสูบบุหรี่และดื่มแชมเปญกันเต็มคราบ
รวมถึงภาพ "เจนนิเฟอร์ โลเปซ" นอนอยู่บนเตียงสีขาวขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมอน "ดิดดี้" คบหา "โลเปซ" ระหว่างปี 1999 ถึง 2001 โดยภาพถ่ายในเดือนกรกฎาคม ปี 2000 ในงานเดียวกันนั้น ทั้งสองยังถูกถ่ายภาพร่วมกับ "คิโมร่า ลี ซิมมอนส์" และ "รัสเซล ซิมมอนส์" สามีของเธอในขณะนั้น รวมถึง "แมทธิว บรอดเดอริค", "ซาร่าห์ เจสสิก้า ปาร์กเกอร์", "อาลียาห์" และคนดังอื่นๆ มากมาย
ปาร์ตี้ของ "พี.ดิดดี้" ดึงดูดเหล่าเซเลบที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น บียอนเซ่, มารายห์ แครี่, นิค แคนนอน, ปารีส ฮิลตัน, คิม คาร์เดเชียน, โฮเวิร์ด สเติร์น, เคลลี่ ออสบอร์น, อรีธา แฟรงคลิน, มาร์ธา สจ๊วร์ต, ทอมมี่ ลี, พาเมล่า แอนเดอร์สัน, รีจิส ฟิลบิน, เวรา แวง, เจย์-ซี และคนดังอีกเป็นจำนวนมาก โดยปาร์ตี้สุดสวิงของ "ดิดดี้" จะย้ายไปจัด ณ คฤหาสน์ของเขาในเบเวอร์ลี่ ฮิลส์ หรือทางฝั่งตะวันตก แต่ก็ยังคงมีเหล่าคนดังตบเท้าเข้าร่วมอย่างคึกคักเสมอมา อาทิ รัสเซล แบรนด์ และ แอชตัน คุชเชอร์ เชื่อว่าหลังเกิดกรณีการจับกุม "พี.ดิดดี้" ในครั้งนี้หลายคนที่เคยร่วมงานปาร์ตี้สีขาวคงรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กันพอสมควร แต่ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเหล่าคนมีชื่อเสียงที่เข้าร่วมงานพวกนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งคงต้องรอการสืบสวนในชั้นลึกๆ ต่อไป
เบื้องหลังปาร์ตี้หรูหราของ "ดิดดี้" ภาพที่เปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ
ภาพถ่ายจากงานปาร์ตี้สุดหรูของฌอน คอมบ์ส หรือ "พี ดิดดี้" ที่ถูกเผยแพร่ออกมาสู่สาธารณะได้สร้างความฮือฮาและเปิดเผยด้านมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังชีวิตปาร์ตี้สุดหรูของเขา
ภาพถ่ายเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศภายในงานปาร์ตี้ที่เกินเลยขอบเขตความเหมาะสมอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น ภาพของผู้หญิงที่แต่งกายน้อยชิ้นในท่าทางที่ไม่เหมาะสม หรือภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียงกำลังใช้สารเสพติด ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากภาพลักษณ์ของปาร์ตี้สุดหรูที่เราเคยเห็นกัน
คำให้การของอดีตพ่อค้ายาเสพติดยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ที่มืดมนของงานปาร์ตี้เหล่านี้ เขาเปิดเผยถึงบรรยากาศภายในงานที่เต็มไปด้วยความเสื่อมโทรมและการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีเพศสัมพันธ์คนดังเพศชายสองคนและการใช้สารเสพติดอย่างเปิดเผย
การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของพี ดิดดี้เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังวงการบันเทิงและสังคมชั้นสูงอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด การค้าประเวณี และการละเมิดทางเพศ
"คอมบ์ส" ยังคงถูกควบคุมตัวโดยรัฐบาลกลางหลังจากที่คำขอประกันตัวของเขาถูกปฏิเสธ อัยการอ้างว่าเขาพยายามปกปิดหลักฐาน โดยให้สินบนแก่พนักงานโรงแรมและพยายามทำลายฟุตเทจจากกล้องวงจรปิดหลังเหตุการณ์ทำร้ายแคสซี่ในปี 2016 ด้านทนายของคอมบ์สได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยเรียกว่าคดีเหล่านี้เป็นการฉวยโอกาสของคนที่ต้องการผลประโยชน์ ซึ่งข้อกล่าวหาของ "คอมบ์ส" มีมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เมื่อเขาก่อตั้งค่ายเพลง Bad Boy Records ขึ้น โดยจากรายงานของนิตยสาร Forbes ในปี 2022 คอมบ์สติดอันดับ 14 ของรายชื่อศิลปินที่มีรายได้สูงที่สุดในปีนั้น โดยมีรายได้ประมาณ 90 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ "ดิดดี้" อาจถูกจำคุก 15 ปี จนถึงโทษสูงสุดอาจถึงขั้นเป็นการตลอดชีวิตตามกฎหมายอเมริกา
ภาพที่ปรากฏออกมาเหล่านี้เป็นการเปิดโปงความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นการเตือนให้เราตระหนักถึงด้านมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความหรูหราฟู่ฟ่า.
