×ข่าวรายการผังรายการรายการสด ร่วมงานกับเราติดต่อเรา

สรุปไทม์ไลน์ "#อย่ากลับบ้าน" เนื้อเรื่องเยี่ยม นักแสดงโคตรปัง แมสแน่นอน ควรค่าแก่การเสียเวลาดู

สรุปไทม์ไลน์ "#อย่ากลับบ้าน" เนื้อเรื่องเยี่ยม นักแสดงโคตรปัง แมสแน่นอน ควรค่าแก่การเสียเวลาดู
2024-11-03 09:00:53

สรุปไทม์ไลน์ "#อย่ากลับบ้าน" เนื้อเรื่องเยี่ยม นักแสดงโคตรปัง แมสแน่นอน ควรค่าแก่การเสียเวลาดู



#อย่ากลับบ้าน เป็นเรื่องราวของนางเอกที่พาลูกหนีสามีที่ใช้ความรุนแรง กลับไปยังบ้านเก่าที่เคยอยู่กับแม่ในวัยเด็ก แต่เมื่อไปถึงไม่นาน ลูกสาวกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นำไปสู่การสืบสวนที่ชวนขนลุกและเต็มไปด้วยความลึกลับซับซ้อน เรื่องนี้พาเราไปเจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึง ทั้งบรรยากาศ หลอนระทึก OST. สุดยอด การเล่าเรื่องก็ดีเยี่ยม ถ้าไม่อยากเจอสปอยล์ รีบดูเลย!






เรื่องราวของ อย่ากลับบ้าน เริ่มต้นขึ้นในปี 2534 เมื่อ พนิดา จารึกอนันต์ อาจารย์และวิศวกร ได้ทำโปรเจกต์ลับเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา แต่ทว่าชีวิตครอบครัวของเธอกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้ง สามีและลูกสาวของเธอชื่อ วารี เริ่มห่างเหินกันมากขึ้น จนกระทั่งวันที่ 14 มีนาคม 2534 วารีและสามีของพนิดาได้เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน ทำให้พนิดาตกอยู่ในความเศร้าเสียใจอย่างลึกซึ้ง





ในต้นปี 2535 พนิดาเปิดเครื่องย้อนเวลาเพื่อหวังนำวารีกลับคืนมา แต่กลับได้ตัวเด็กหญิงชื่อ มิน กลับมาแทน ซึ่งพนิดาก็เลี้ยงดูมินอย่างลูกแท้ๆ ต่อมาเมื่อพนิดาเปิดเครื่องย้อนเวลาอีกครั้ง เธอได้พบกับหญิงนิรนามคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นวารี แต่พนิดาจำไม่ได้เพราะคิดว่าลูกสาวของเธอตายไปนานแล้ว ทำให้เธอขังหญิงคนนั้นไว้ ต่อมาเกิดเหตุการณ์ที่หญิงนิรนามหลุดหนีและทำร้ายนที คนรับใช้ในบ้าน จนพนิดาผลักเธอตกจากชั้นสองและถูกไฟคลอกเสียชีวิต



เมื่อโตขึ้น มินซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็นวารี ได้กลายเป็นนักข่าวและแต่งงานกับพันเอกยุทธชัยในช่วงรัฐประหารปี 2557 แต่ชีวิตครอบครัวก็เต็มไปด้วยความรุนแรง วารีจึงพามินลูกสาวหนีไปอยู่บ้านที่พังงา ซึ่งทั้งคู่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์ลี้ลับที่มีผีของวารีและเด็กหญิงสวมหน้ากากที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ



ในปี 2567 ทั้งมินและวารีถูกดึงตัวกลับไปยังอดีตปี 2535 ในช่วงเวลาต่างกัน โดยมินได้กลายเป็นเด็กหญิงสวมหน้ากาก และผีวารีก็ยังคงวนเวียนที่เดิม ทำให้เหตุการณ์เกิดการซ้อนทับของเวลาที่สับสนซึ่งเชื่อมโยงการเกิดใหม่และการตายของตัวละครวนเวียนซ้ำไปเหมือนวงกลม และเรื่องราวจะจบลงอย่างไรต้องติดตามชมเอง





#อย่ากลับบ้าน เป็นเรื่องราวที่แม้จะมีกลิ่นอายคุ้นๆ กันอยู่บ้าง แต่การเล่าเรื่องผ่านมุมมองของ "คนเป็นแม่" กลับทำให้ทุกอย่างสดใหม่และเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม! เรื่องนี้ถ่ายทอดชีวิตของผู้หญิงสามคนที่เป็นแม่ในแบบที่ต่างกันสุดขั้ว ทั้ง สารวัตรฟ้า ที่อุ้มท้องพร้อมความเข้มแข็ง วารี ผู้เป็นแม่ที่ไม่ยอมแพ้ตามหาลูกจนสุดกำลัง และ พนิดา แม่ที่ผ่านการสูญเสียและความเจ็บปวดขั้นสุด การแสดงของทุกคนคือโดดเด่น ตีบทแม่ในแบบของตัวเองได้อย่างถึงใจ สัมผัสถึงความรัก ความสูญเสีย และการเสียสละของแม่ในมุมที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน!



วารี เป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในเรื่อง ถูกติดอยู่ในวงล้อเวลาอย่างไม่รู้จบ กับบทที่ต้องแบกความเจ็บปวดและความสับสนอย่างหนัก นุ่น วรนุช ถ่ายทอดบทนี้ได้อย่างน่าทึ่ง แม้จะไม่ใช่บทที่ต้องแสดงอารมณ์แรงๆ ตลอดเวลา แต่นุ่นเก็บรายละเอียดทุกอารมณ์ได้แนบเนียน แสดงความเจ็บลึกแบบที่คนดูสัมผัสได้เต็มที่ สมกับที่เป็นนักแสดงตัวแม่จริงๆ ถ้าเธอมีงานละครอีกก็ควรค่ากับการติดตามชมฝีมือ ซูฮกนาง





สรุปประเด็นของซีรีส์

ซีรีส์นี้เน้นเรื่องการหลุดออกจากวังวนที่กักขังชีวิตตัวละครหลักทั้งสาม:

วารี ติดอยู่ในวังวนของความรุนแรงในครอบครัวและความสัมพันธ์ที่ขัดแย้ง สุดท้ายเธอตัดสินใจกล้าหาญพาลูกหนีออกมา เพื่อหลุดพ้นจากการถูกทำร้ายและชีวิตที่ไร้ความสุข

ฟ้า ผู้ต้องเผชิญกับการถูกดูถูกและถูกสังคมปิตาธิปไตยกดทับ พยายามปลดปล่อยตัวเองจากความเชื่อว่าผู้หญิงไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง การเลือกของวารีเป็นแรงบันดาลใจให้ฟ้าเลือกเดินออกจากวังวนของเธอ

พนิดา แม่ที่ติดอยู่ในความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูก ไม่ยอมปล่อยวางและพยายามดึงลูกกลับมาจนเกิดความผิดพลาดซ้ำๆ สร้างวังวนที่ไม่มีวันจบ หากเธอเลือกปล่อยวาง วังวนเหล่านี้อาจไม่เกิดขึ้น





"แพร์ พิชชาภา" ถ่ายทอดบทบาทของ สารวัตรฟ้า ในซีรีส์ อย่ากลับบ้าน ได้อย่างลึกซึ้งและทรงพลัง ตัวละครฟ้าคือตำรวจหญิงท้องแก่ที่ต้องสืบสวนคดีซับซ้อน ซึ่งมีปมที่ท้าทายทั้งด้านจิตใจและร่างกาย แพร์นำเสนอความแข็งแกร่งและความเปราะบางของฟ้าได้อย่างสมจริง ท่ามกลางภาระหน้าที่ที่ต้องรักษาความยุติธรรม เธอแสดงออกมาได้ละเอียดและสมจริงจนรู้สึกถึงความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ

การปรากฏตัวของแพร์ในบทนี้ยังชวนให้นึกถึง มาร์จ กันเดอร์สัน จาก Fargo ตำรวจหญิงท้องแก่ผู้ไขคดีได้อย่างแยบยล ทั้งสองตัวละครสะท้อนภาพผู้หญิงที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แพร์นำบทบาทนี้มาสร้างเอกลักษณ์ใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง ถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่อีกชิ้นในเส้นทางการแสดงของเธอ



ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอเสน่ห์ของพล็อตที่ชวนให้สับสนและถกเถียง เปิดโอกาสให้คนดูสัมผัสความบันเทิงแม้อาจไม่เข้าใจทุกรายละเอียด ตัวเรื่องพัฒนาจุดเด่นของผีไทยไปสู่แนวใหม่อย่างชาญฉลาด เฉียบขาด ตอบโจทย์ความจำเจได้ดี นอกจากนี้ ยังมีนัยแฝงเกี่ยวกับปิตาธิปไตยในเรื่องยังสะท้อนความรู้สึกและความอึดอัดของผู้คนในสังคมได้อย่างตรงใจ



วันหยุดนี้ถ้ามีเวลาอยากเลือกหนังแจ่มๆ สักเรื่อง เพื่อนั่งขมวดคิ้วอ้าปากค้าง ขอแนะนำเรื่องนี้เลย แต่พอดูจบแล้วอาจจะอึ้ง อ้า ตาค้างหรือไม่นั้นก็คงแล้วแต่จริตของแต่ละคนเลยจ้า.