×ข่าวรายการผังรายการรายการสด ร่วมงานกับเราติดต่อเรา

"ต่าย สายธาร" คลั่งรัก! เผยเหตุผลไม่ปิดบังความรักครั้งนี้ พาแฟนหนุ่มไปเจอ "แม่สีดา" ตั้งแต่วันแรก

"ต่าย สายธาร" คลั่งรัก! เผยเหตุผลไม่ปิดบังความรักครั้งนี้ พาแฟนหนุ่มไปเจอ "แม่สีดา" ตั้งแต่วันแรก
2024-12-16 10:50:09

"ต่าย สายธาร" คลั่งรัก! เผยเหตุผลไม่ปิดบังความรักครั้งนี้ พาแฟนหนุ่มไปเจอ "แม่สีดา" ตั้งแต่วันแรก



นักแสดงสาวจิตอาสา “ต่าย สายธาร”  ออกมาประกาศกำลังคบผู้สื่อข่าวช่องดัง “ตั้ม ผดุง” แถมตอนนี้ยังคลั่งรักแบบสุดๆ พร้อมย้อนเล่าจุดเริ่มต้นรักครั้งนี้ได้มาเพราะเพื่อนเป็นพ่อสื่อ รวมไปถึงความประทับใจพาไปเจอ “แม่สีดา” ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow 




คุณตั้มเป็นแฟนคลับของคุณต่ายจริงหรือเปล่า?
ตั้ม : จริงครับ ตั้งแต่หนังเรื่องแรกๆ ที่ต่ายเล่น ปลื้มที่เขาสวยมาก

เคยเจอกันแล้วสมัยก่อน เคยเจอที่ไหนคะ?
ตั้ม : เคยเจอที่รายการ ตอนนั้นเป็นบรรณาธิการ เค้าจำไม่ได้แต่เราจำได้ทุกอย่างเลย



ทำไมตอนนั้นไม่จีบไปเลย ?
ตั้ม : คือตอนนั้นเราขี้อาย จีบผู้หญิงไม่ค่อยเก่ง ตอนแรกที่เค้ามาออกรายการแล้วก็นั่งมองเค้าอยู่ แต่เค้าค่อนข้างจะวิชาการหน่อยนึง เพราะตอนนั้นเค้าเพิ่งไปช่วยคดีแตงโมมา วันนั้นเราก็นั่งฟังนั่งยิ้ม ทีมงานมองมาเราก็นั่งยิ้ม

ตอนเจอเขาครั้งแรกมีความคิดไหมว่าจะจีบเค้า ?
ตั้ม : ไม่เคยเลยไม่ได้อยู่ในหัวสมองด้วยเพราะว่าเรามันคนธรรมดาและเค้าเป็นดาราด้วยระดับนางเอก ตอนนั้นรู้ว่าชอบแต่ไม่กล้าคิด

เจอดารามาก็เยอะทำไมต้องไป “ต่าย สายธาร” คนเดียว?
ตั้ม : คือเราชื่นชอบเขามาตั้งแต่วัยเด็ก แอบชอบเขามาตั้งแต่ตอนเป็นดาราแรกๆ





แล้วได้มาคุยกันเพราะอะไรเห็นว่ามีพ่อสื่อ ?
ตั้ม : เพื่อนของผมเป็นพ่อสื่อให้วันนั้นไปดูคอนเสิร์ต “เสก โลโซ” พอดีเจอเพื่อนอยู่บนเวทีพอดีก็เลยโทร.เรียกเพื่อนลงมาหน่อย จะให้ลงมาคุยกันเพื่อนก็บอกว่าตั้มโสดนิ ต่ายก็โสด

ตอนนั้นคิดไหมว่าเป็น “ต่าย สายธาร” คนที่เขาบอก?
ตั้ม : คิดครับเพราะเค้าถ่ายรูปด้วยกันบ่อย เค้าก็ไม่รู้ว่าผมแอบชอบต่ายอยู่ถามโดยไม่รู้เลย พอเขาพูดก็รู้สึกฮึกเหิมแบบมีพ่อสื่อแล้วเค้าก็โทร.ไปหาต่ายเลยให้รับเฟซผม ให้รับเพื่อนทันทีเลย

เมื่อสามเดือนที่แล้วยังให้สัมภาษณ์ว่าอยู่คนเดียวได้ ?
ต่าย : อดีตที่พี่พูดให้ลืมไปให้หมด



พอพี่กบบอกให้รับเฟซพี่ตั้มทำไมถึงรับเลย ไม่ลีลาหน่อย ?
พี่ต่าย : ก็รับเลยคือกบอ่ะเค้าบอกว่านี่คือโค้งสุดท้ายของชีวิตแล้วนะ แล้วก็บอกว่าอย่าเพิ่งคุยไปรับแอดเค้าก่อน คนนี้นะแล้วก็ส่งโปรไฟล์มาให้ดู และใช้แชตเฟซคุยกันก่อน ตอนที่เห็นก็ได้นะ

ตอนที่เห็นมีไปให้เพื่อนหรือคนรู้จักช่วยดูโปรไฟล์มั้ย?
ต่าย : ตอนนั้นต่ายอยู่คนเดียวแล้วก็เค้าอยู่กับเพื่อน เพื่อนก็บอกให้รับเลย ก็คุยกันเลยอะไรอย่างเงี้ย

แล้วใครทักใครก่อน ?
ตั้ม : ผมทักก่อน ก็ทักไปว่าสวัสดีก่อน มาในแนวนอบน้อมก่อน และเพื่อนที่ชื่อกบเค้าก็คุยให้ก่อนว่าต้องคุยกับตั้มนะ เค้าก็คุยให้ก่อนประมาณนึง เราก็เริ่มคุยกัน





คุยกันกี่วันถึงจะเปิดแชตวิดีโอคอล ?
ต่าย : วันเดียว (หัวเราะ)
ตั้ม : วันเดียวเลยครับ
ต่าย : คือแบบ.. มันจะมีประโยคที่กบคอยย้ำ

เออเนี่ยโค้งสุดท้ายแล้วลองสักตั้งละกัน ไม่รู้ตอนนั้นมันอาจจะคลิกด้วยแหละเพราะว่าเออก็ มีความรู้สึกว่าอยากคุยนะ ทั้งๆ ที่ต่ายจำเขาไม่ได้จำไม่ได้ว่าเราเคยไปออกรายการอะไรด้วย เค้าก็ทักมาแล้วก็คุยคุยไปคุยมา วันที่เขาไปดูคอนเสิร์ตเค้าก็จะไปดู แต่เค้าก็ไม่ได้ดูแล้วก็คุยกันอีกวันนึงก็วิดีโอคอลคุยกันจนตี 3-4 คือถ้ามี 24 ชั่วโมงเราก็คุยกันไป 22 ชั่วโมงแล้ว

แล้วกี่วันนัดเจอกัน ?
ตั้ม : ไม่กี่วันครับ ตอนนั้นผมเสนอตัว ไปถ่ายละครผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวไปรับ เพราะว่าเค้าเลิกดึกสี่ทุ่ม

แล้วพี่ต่ายว่ายังไง ?
ต่าย : เอาจริงๆ นะตอนนั้นก็ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองถ่าย เพื่อนรักช่างแต่งหน้า เค้าก็บอกว่าแม่ต้องให้เค้ามานะ ซึ่งต่ายก็ไม่มีฟิลนั้นมานาน ที่มีคนมารอรับที่กอง

พอเปิดประตูมาเจอกันครั้งแรกพูดว่าอะไร ?
ต่าย : เรายกมือไหว้เขา (หัวเราะ) คนมีมารยาทเราเจอเขาเราก็สวัสดี ตอนนั้นก็เขิน เขิน เขินบรรยากาศเป็นสีชมพู คือตอนไปกองถ่ายเค้าก็วิดีโอคอลมา แต่วันนั้นเราถ่ายทั้งวันก็ไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่บทก็ยาวมาก ก็ส่งมาให้เค้าดูขอกำลังใจเพราะเราไม่มีอะไรคุย

แล้วพอเลิกกองก็ไปทานข้าวกันต่อ แล้วคุณทำอะไรหลังจากนั้น?
ต่าย : ก็ตอนนั้นคุณตั้มเค้าไม่ทราบเลยว่าเราอ่ะนัดคุณแม่สีดากับเพื่อนๆ ทีมงาน นัดไว้ประมาณห้าคน แต่พอไปถึงมีเป็น 10 เยอะค่ะ

จริงๆ ตอนนั้นคิดว่าเดทกันสองคนหรือเปล่าพี่ตั้ม?
ตั้ม : ตอนนั้นคิดว่าไปกันสองคนไม่คิดว่าจะถูกซ้อนแผน ตอนเข้าไปก็ยิ้มก่อนเลยไม่คิดว่าจะได้เจอแม่สีดา เค้าก็พูดว่านี่หรือลูกเขยฉันพูดคำนี้เลย เราก็ตอบไปว่า ‘ใช่ครับ’ ตอนนั้นต่ายก็ไปเข้าห้องน้ำทิ้งผมเลย

ต่าย : คือตอนนั้นพี่ไม่รู้จะทำยังไงไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็เลยเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า ตอนนั้นทีมงานก็ถามว่าพี่เขย แม่ก็ถามว่านี่ลูกเขย แต่เค้าอยู่เป็น



เห็นว่าพี่ต่ายเตรียมมากกว่าคำพูดนั่นคือการร้องเพลง ?
ต่าย : ไม่ได้เตรียมนะคะวันนั้นเนี่ยก็กึ่มๆ ด้วยแหละ ก็เป็นเพลงแพ้ใจ ก็ไม่คิดว่าจะมาร้องให้ใครฟัง

แม่สีดาคุยอะไรกับพี่ตอนที่พี่ต่ายแวะเข้าไปห้องน้ำ ?
ตั้ม : เค้าก็ถามว่านี่หรอลูกเขย เราก็ตอบไปว่าครับ แล้วก็นั่งคุยกันแล้วก็ถามไปรับเค้าจากไหนมา รอนานไหมล่ะ ไม่ดุ วันแรกที่ไปเค้าก็ซีเรียสนะ

วันแรกที่เจอกันเห็นว่าตกลงเป็นแฟนกันเลย?
ต่าย : วันแรกที่เจอกันมันเบลอไปหมด มันวิ้งๆ ไปหมด คือด้วยความที่คุยกันตั้งแต่วันแรกที่ทักแชตมา แทบไม่ได้วางโทรศัพท์เลยอะค่ะ คุยวิดีโอคอลคุยตอนไปต่างจังหวัด เค้านั่งรถตู้ไปก็คุยกันตลอด

วันที่พาพี่ตั้มไปหาแม่สีดา แม่เค้ามีพูดอะไรไหมหรือเป็นห่วงอะไรไหม?
ต่าย : ส่วนมากแม่จะบอกว่าต่ายทำตัวใหม่นะลูก ผู้หญิงนะลูก ทุกวันนี้เราก็เป็นผู้หญิงนะแม่ เมื่อคืนนี้แม่เองก็มานอนด้วย ก็พูดว่าให้เป็นผู้หญิงนะลูก ตั้มก็เคยบอกว่าถ้าวันนึงนะ ไปบ้านเขา แม่ก็บอกว่าหัดทำอาหารนะลูก ทุกวันนี้เราไม่ใช่ลูกแล้วตั้มเขาคือลูก

พี่ตั้มอยู่เป็นยังไงแม่สีดาถึงเข้าข้างกลายเป็นลูกไปเรียบร้อยแล้ว?
ตั้ม : ปกติผมก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ก็รักทุกคน ใครที่เป็นครอบครัวเรา เป็นมิตรกับทุกคนง่าย

พี่ตั้มก็พาพี่ต่ายไปเจอคุณพ่อแล้ว?
ตั้ม : ก็แฮปปี้ดีครับ คุณพ่อก็ชอบเค้าอยู่เหมือนกันก็เคยดูหนังเค้าอยู่เหมือนกัน

ต่าย : ตอนนั้นก็เป็นวันเกิดของคุณพ่อ ไปเจอครั้งแรกครั้งแรกเหมือนกัน เราอ่ะคือต้องอวยพรให้คุณพ่อใช่ไหมแต่คุณพ่อมาเจอเราก็มาจับแขนเราตอนนั้นเราหูดับไปแล้ว แต่พ่ออ่ะอวยพรเรา ทำนองว่าขอให้คบกันไปนานๆ นะลูก อึ้งๆ อยู่ ก็ขอบคุณคุณพ่อ ก็บอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณพ่อนะคะ ไม่ใช่คุณพ่อมาอวยพรให้หนู คือผู้ใหญ่เขาเมตตาก็ต้องขอบคุณคุณพ่อด้วยนะคะ

พี่ตั้มเองก็โสดมานานจนครอบครัวอยากให้มีใคร?
ตั้ม : เค้าก็อยากมีคนดูแลเราบ้าง เพราะว่าผมค่อนข้างที่จะไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด ขับรถไปไหนมาไหนต่างจังหวัดก็ไปคนเดียวตลอด เดินทางคนเดียว ช่วยเหลือสังคมก็ไปคนเดียวตลอด



กับคนอื่นๆ ในบ้านของพี่ตั้ม พี่ต่ายก็ได้วิดีโอคอลคุย รู้จัก?
ต่าย : ก็มีคุณแม่ ลูกสาว หมาแมวก็วิดีโอคอลคุยหมดแล้ว คือเค้าน้องหมาน้องแมวเค้าให้เราคุยหมด

ตั้ม : คือที่ให้คุยเพราะเขาให้เราคุยกับกระต่ายที่บ้านเขาก่อน ก็มุ้งมิ้งไปเรื่อยเรื่อยมันก็มีถามมิ่งของมัน ชอบเค้าอ่ะเนาะอะไรก็ยอม

ตัดสินใจเปิดตัวด้วยการลงรูป ?
ต่าย : ใช่ค่ะ คือมันเป็นการให้เกียรติ แล้วต่ายต้องบอกกับทุกคนนะคะว่าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาสนใจมากมายขนาดนี้ ต้องขอบคุณมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเอฟซีหรือเพื่อนๆ Feedback ที่ได้กลับมามีแต่ความสุขจอยๆ รอยยิ้ม มันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีรอยยิ้มไปด้วย เราก็เลยบอกไปว่ารอยยิ้มของเอฟซีแฟนคลับที่มีความสุขก็ทำให้เรามีความสุขไปด้วย โตแล้วทั้งคู่ด้วยวัยเราเลยอยากทำให้มันเป็นพลังบวกให้กันมากกว่า ความรักไม่ว่ามันจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแบบพ่อแม่ หรือรักในสังคม อยากให้เป็นเมตตา และเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นความรักของพวกเราสองคนมันก็จะแบ่งปันเพื่อที่จะไปช่วยเหลือสังคมได้ด้วย อะไรที่เป็นพลังบวกเราจะเซฟเก็บไว้ จะเป็นพลังบวกให้กันและกัน อะไรที่มัน Toxic เราจะตัดออก

ตั้ม : ทุกวันนี้คนโทร.มาถึง 40 คนได้ พยายามบอกไปข้างนอกเพื่อไม่ให้เจอใคร ตอนนี้ก็ตอบครบทุกคนครับ ก็เล่นมุกไปว่าทำไมหน้าเหมือนเราจัง แกล้งไม่ยอมรับ ก็เรื่องจริงครับก็คือผมชอบเขา คบกับเขามันคือเรื่องจริงครับ

มีคนบอกว่าที่พี่ต่ายมีแฟนเพราะก่อนหน้านี้ไปรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาว?
ต่าย : ใช่ๆ งานแต่งงานของเพื่อนสนิทเลย คือมันเป็นเรื่องที่ถามตู่วันนั้นว่าเตรียมกับใครหรือเปล่า แบบอยากให้เราได้รับช่อดอกไม้ เค้าก็บอกว่าไม่มี คือเป็นครั้งแรกครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้ มันเหมือนเป็นอาถรรพ์ ต่ายเชื่อว่าบนโลกนี้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับความรักดีๆ

เห็นว่ารักดีๆ แบบนี้แต่มีบางช่วงที่มีน้ำตา?
ต่าย : วันนั้นใช่ไหมที่มีข่าวลงว่าต่ายโพสต์ นั้นต่ายต้องบอกเลยว่าต่ายเขียนแค่สามถึงห้าบรรทัดถ้าเข้าไปดูข้อความที่แก้ไข edit หลายทีคือเติม คือเป็นรูปที่ต่ายโพสต์คู่กับตั้ม ความในใจ ประมาณว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม มันมีพลังต่างๆ ที่ทำให้เรามีแรงก้าวเดินหรือทำงานใช้ชีวิตต่อไป อะไรที่เป็นพลังบวกเราจะเก็บไว้ อะไรที่เป็นพลังลบเราจะตัดออก ตามนั้นเลย ก็เขียนไปก็น้ำตาคลอเพราะเราเป็นคนเซนซิทีฟด้วย

เพราะพี่ตั้มได้เห็นได้อ่านแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
ตั้ม : ก็ ดีใจที่เขารักเราจริง ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออกสักเท่าไหร่ไม่ค่อยเข้าไปโพสต์หรือคอมเมนต์อะไรเท่าไหร่

ต่าย : จริงๆ แล้วประเด็นสำคัญคือ เราไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้จะมีจริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเรามีโอกาสได้มาเจอกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเหวี่ยงใครสักคนมาให้เราเพราะฉะนั้นถ้าเราเจออะไรที่มันดีแล้วก็ควรที่จะรักษาไว้ เราไม่รู้หรอกว่าตื่นมาพรุ่งนี้เราจะเจอเขามั้ย



ใครคลั่งรักมากกว่ากัน?
ต่าย : เราไม่รู้หรอกค่ะว่าใครคลั่งรักมากกว่ากัน แต่มันเป็นความรู้สึกที่แชร์ความรักให้กับเขาแล้วก็ครอบครัวเขาด้วย

ใครมีพฤติกรรมการแสดงออกถึงความรักมากกว่ากัน?
ต่าย : จริงๆก็พอๆกัน แต่พี่ตั้มเค้าจะไม่ค่อยแสดงออก คนคงไม่คิดว่าเรามาเจอกันแล้วจะมุ้งมิ้ง เพราะต่ายก็เป็นกู้ภัยเขา ก็อยู่ในสายข่าว มุมมองของความรักเปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนมีแบบเอาชนะ แต่ความรักไม่ใช่การเอาชนะหรือมาแข่งกันเอาเหรียญทอง เราคุยกันต่ายจะไม่ชอบทะเลาะ มีง้องแง้งนิดหน่อยถ้าคีย์เปลี่ยนไม่ได้เลย แล้วก็ไม่ทะเลาะนะ ถ้ารู้สึกว่าผิดก็ขอโทษๆ อย่างเงี้ย แล้วก็รับโทษ ก็หอมแก้มกันไป ความรักมันอยู่ที่เราสองคนมากกว่า

อยากให้บอกความในใจกัน ?
ตั้ม : ก็อยากจะบอกว่าเป็นห่วงเขาเพราะเค้าใช้ชีวิตอยู่ในห้องคนเดียว เป็นห่วงเค้าเรื่องสุขภาพ เค้ามีโรคประจำตัวแล้วก็ป่วย ก็อยากให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่ว่าไม่รู้ว่าเค้าจะมาหรือเปล่า

ต่าย : ก็ยอมค่ะแต่ว่าสักพักหนึ่ง เพราะต้องปรับตัวก่อน แต่ก็อยู่ด้วยแหละ ส่วนความในใจเค้าเป็นของขวัญคริสต์มาสทั้งของขวัญส่งท้ายปีทั้งวันเกิดทั้งตอนนี้เค้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว 2 มกราก็วันเกิดต่ายก็ตั้งใจจะไปทำบุญกัน

เห็นชวนว่ามาอยู่ด้วยกัน คิดจะแต่งงานมั้ย?
ตั้ม : เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของอนาคต รอไว้คุยกันสองคนก่อน



คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/LJXl4vD1paI?si=kRN-vWTgLKpgXs6z