×ข่าวรายการผังรายการรายการสด ร่วมงานกับเราติดต่อเรา

7 ปีนักร้อง "สิงโต นำโชค" สู่นักแสดง

7 ปีนักร้อง "สิงโต นำโชค" สู่นักแสดง
2017-09-17 13:00:48


เมื่อเอ่ยชื่อ “สิงโต นำโชค” ภาพทั่วไปที่คนส่วนใหญ่รู้จัก?

ครับสิงโต นำโชค ก็คือนักดนตรี อยู่ในวงการบันเทิงมาที่ใช้ชื่อ สิงโต นำโชค ก็ประมาณ 7 ปีครับ เริ่มเล่นดนตรีประมาณอายุ 14 - 15 นะ ฝึกเล่นดนตรีก็ประมาณ 20 กว่าปี พอทำอัลบั้มออกมาก็อยู่กับดนตรี ร้องเพลง มีโอกาสได้ไปเป็นโค้ชเดอะวอยซ์ ก็ยังวนเวียนอยู่ในเรื่องของดนตรี แต่ว่าหลังจากนี้ทุกคนจะได้เห็นอีกบทบาทหนึ่ง อีกมุมหนึ่ง ก็คือการแสดง เป็นการแสดงล้วนๆ ไม่ใช่ภาพนักดนตรี เป็นอีกบทบาทใหม่ ค่อนข้างท้าทายครับ
   



ความรู้สึกแรกเมื่อถูกชักชวนให้มาแสดงภาพยนตร์เรื่องนายไข่เจียวเสี่ยวตอร์ปิโดที่มีผู้กำกับชื่อโต๊ะพันธมิตร?

ดีใจครับ อยู่ๆ วันหนึ่งก็ได้รับการติดต่อมาจากพี่โต๊ะว่าจะให้มาเล่นหนัง ผมรับเลย ผมชอบพี่โต๊ะ ชอบงานพี่โต๊ะ ทุกเรื่องผมโตมากับพี่โต๊ะ คือได้ยินเสียงพี่โต๊ะพากย์แล้วมันรู้สึกเหมือนเสียงที่โตมาครับ คุ้นเคยเหมือนคนในครอบครัว แล้ววันหนึ่งได้มาเล่นหนังของพี่โต๊ะ ก็รู้สึกกดดันนะครับ เรารู้บทคร่าวๆ ว่าเป็นประมาณนี้มันเลยค่อนข้างกดดัน เพราะมันใหม่หมด ตลกก็ต้องเล่น ดราม่าก็ต้องเล่น มันใหม่หมดเลย องค์ประกอบของหนังมันดีหมด เลยรู้สึกว่าเราไม่อยากให้ตัวเราไปทำให้หนังเสีย นักแสดงแต่ละคนก็คือมืออาชีพหมดเลย เราก็ต้องเต็มที่

คงต้องเล่าให้ฟังแล้วละว่าบทบาทที่เราได้รับเป็นอย่างไร?



ตัวละครที่ได้รับบทมาชื่อว่า “ปริ้นซ์” ครับ ก็แปลตรงตัวไปเลย เจ้าชาย แค่ชื่อก็ขัดกับตัวเองมากๆ เลยครับ แต่พอปริ้นซ์ได้ดื่มเหล้า ดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ก็จะเปลี่ยนเป็นอีกคน คือจะปลิ้นทันที อันนี้ก็ขัดกับตัวเองอีกนะครับ แต่มันท้าทายมาก ปริ้นซ์ มีอาชีพเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ไม่ใช่อาจารย์ธรรมดา เป็นอาจารย์รุ่นใหม่ที่สามารถรับมือกับเด็กเกรียนๆได้ เป็นคนที่มีฐานะมั่งคั่ง ขับรถสปอร์ต แต่อีกมุมหนึ่งเป็นคนสนุกสนาน แล้วก็มีเพื่อนด้วยกัน 4 คน ที่ดูไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้ ความสนุกมันอยู่ตรงนี้ คือจากอาจารย์ไปเป็นเพื่อนกับทนาย แล้วก็เป็นเพื่อนกับหมอศัลยกรรม และเป็นเพื่อนกับนักบินแล้วก็พ่อค้าขายไข่เจียว มันคนละอาชีพ มันไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้ แต่ว่าพอได้มาเป็นเพื่อนกันปุ๊บ มันมีความสนุก ความอบอุ่นโดยถ่ายทอดผ่านไข่เจียว ในร้านขายไข่เจียวจะเป็นสถานที่ที่ 4 คนนัดเจอกัน ไม่ได้นัดเจอกันธรรมดา นัดสร้างไลฟ์สไตล์ของเขาด้วยกัน อยู่ดีๆ นักบินก็ไปทอดไข่ ขายไข่ หมอศัลย์ก็ลงมาช่วยล้างจาน มันเห็นถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนๆ โดยที่ไม่ต้องบอกว่าเขารักกัน แต่ละตัวละครก็ไม่ได้มีความเพอร์เฟกต์อะไรขนาดนั้น ด้วยความเป็นเพื่อนกัน เลยทำให้ทุกคนมีความสุขอยู่ได้ คือเพื่อนมาเติมเต็มตรงนี้ละครับ

เรื่องราวของ นายไข่เจียวเสี่ยวตอร์ปิโด?

หนังเรื่องนายไข่เจียวเสี่ยวตอปิโด เป็นเรื่องราวของเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่มีอาชีพที่แตกต่างกัน แบบว่าดูแล้วไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้ แต่ก็มาเป็นเพื่อนกัน แล้วก็คอยให้กำลังใจกัน ผลักดันให้อีกคนหนึ่งใช้ความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองมีนะ คือคุณมะลิ เขาไม่รู้ว่าเขามีความสามารถในการทำไข่เจียวที่มันสามารถไปในระดับโลกได้ เขาไม่รู้ แต่ด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆ แล้วก็ด้วยแรงกดดันจากนะโมที่เป็นเสมือนแม่ของทุกๆ คน ก็เลยทำให้คุณมะลิเขากล้าที่จะเข้าไปประกวดไข่เจียว เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเขามีความสามารถพาไข่เจียวไทยไปไข่เจียวโลกได้ครับ
   
บรรยากาศการทำงานในกองถ่าย นายไข่เจียวเสี่ยวตอร์ปิโด?

ตอนแรกที่อ่านบทนะครับ ก็รู้สึกว่าค่อนข้างกดดันว่าเราจะทำออกมาได้ดีไหม เพราะนักแสดงแต่ละคนก็มืออาชีพทั้งนั้นแต่พอได้เริ่มถ่ายกัน ผมรู้สึกว่าเหมือนมีเคมีอะไรบางอย่างมันค่อนข้างลงตัวกัน ถ่ายเร็วมาก เหมือนทุกคนทำการบ้านของตัวเองมาดีมาก ผมว่าในส่วนนี้อาจจะเป็นเพราะพี่โต๊ะด้วยที่พยายามเลือกนักแสดง มันเลยทำให้การถ่ายทำมันง่าย เขานัดถ่ายทำไว้เลิกประมาณตี 2 แต่เสร็จประมาณ 2 ทุ่ม คือมันถ่ายแล้วก็เร็วมาก แล้วเวลาพี่โต๊ะกำกับเราจะได้ยินเสียงพี่โต๊ะหัวเราะอยู่ในทุกๆ ซีน แกจะหัวเราะแต่แกจะกลั้นก่อน หัวเราะไม่ได้เสียงมันเข้าไมค์ พอคัตปุ๊บเขาก็จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เราก็จะเห็นว่าพี่โต๊ะจะฮากับทุกซีนที่เขากำกับ แล้วผมรู้สึกว่าพี่โต๊ะนี่ทำทุกอย่าง ไม่ใช่กำกับอย่างเดียวนะ เสื้อผ้าเขาก็ดูนะเขาจะดูหน้ากล้อง แล้วเขาจะบอกว่าชุดนี้มันยังดูไม่ใช่คนนี้เท่าไหร่ แล้วผมก็ได้ยินมาว่าช่วงระหว่างที่ถ่ายทำ คือพี่โต๊ะจะอยู่ตั้งแต่คนแรก ยันคนสุดท้าย พอช่วงที่ไปบล็อกชอตเขาก็จะไปดูของเขาเองตลอด ฉากไหนที่ไม่ได้ เขาก็ไม่ปล่อยผ่านจริงๆ นะ เรื่องสนุกสนานในกองถ่าย ก็มุกของพี่โต๊ะนี่ละครับ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนผมหรือเปล่านะ เวลาผมคุยกับพี่โต๊ะ หรือฟังพี่โต๊ะกำกับ ผมจะรู้สึกผูกพันกัน เพราะว่าเราโตมากับเสียงพี่โต๊ะ มันเลยทำให้เรารู้สึกสนิทกันง่ายขึ้น แล้วเวลาผู้กำกับถั่วงอกอย่างพี่โต๊ะที่มีไอเดียใหม่ๆ ตลอดเวลา มาเจอกับนักแสดงถั่วงอกอย่างพี่บอล ที่ปล่อยมุกฮามาได้เยอะมากๆ ไม่รู้เขาเอามุกเก็บไว้ส่วนไหนของสมอง มันเยอะมากครับ เวลาถ่ายถ้าพี่บอลปล่อยมุกออกมาซีนนั้นก็จะนานมากกว่าพี่โต๊ะจะสั่งคัต เพราะมันจะไหลไปได้เรื่อยๆ สนุกดีครับ



มีฉากไหนสนุกๆ ที่อยากเล่าให้ฟังมั้ย เห็น ก้อง ห้วยไร่ บอกว่า แต่ละวันที่มีการถ่ายทำอยากรีบมาถึงกองเร็วๆ เพราะไม่เหมือนทำงาน เหมือนมาสนุกกัน ได้เจอเพื่อน โดยเฉพาะเวลา ก้องเข้าฉากกับสิงโตนี่เคมีทางด้านการแสดงลงตัวและเข้าขากันมากๆ ?

คือจริงๆ แล้ว พอได้ถ่ายมันสนุก พอฉากที่เราได้เล่นแล้วแบบมันลื่นไหล มันอยากจะต่อเนื่องไปเรื่อย มันก็สนุก มีฉากหนึ่งที่รู้สึกประทับใจนะครับ เพราะว่ามันค่อนข้างลื่นไหลมันคล้ายๆ กับเหมือนมันมีมุมนี้ในชีวิตจริงอยู่ก็คือฉากที่เรามีเพื่อน แล้วเพื่อนก็มีคนเข้ามาจีบ ก็ไปคอยกันท่าไอ้คนที่มาจีบว่าเอ้ย มาจีบเพื่อนเรา เหมือนเราจะมีมุมนี้อยู่ในชีวิตจริงเรา ทีนี้มันเลยออกมาได้ค่อนข้างลื่นไหล เพราะฉากนั้นก็จะเป็นผมกับก้อง ปริ้นซ์กับมะลิเดินไปเจอนะโมนัดกินข้าวกับ ผบ. ซึ่งมันมีอยู่แล้วในชีวิตจริง ที่พอเพื่อนเราจะมีแฟนเนี่ย เราจะชอบขัด มันไม่ใช่ความหึงหวงหรอก มันเป็นความกวนตีนของเพื่อน พอเพื่อนจะมีแฟนก็ไปกันเขา พอไปกันเขาเสร็จปุ๊บ เขาก็ไม่มีแฟนสักที เราก็สะใจ ผมว่าเป็นมุมนั้นมากกว่า ก็เลยเข้าขากันไปหมด ฉากนั้นเลยสนุก

ท้ายนี้อยากพูดถึงใครหรืออยากฝากอะไรเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้?

เรื่องนี้นะครับผม รู้สึกว่าทุกคนเต็มที่มากนะยิ่งฉากการประกวดไข่เจียวซึ่งประกวดกันจริงจังมาก ผมทึ่งในไอเดียไข่เจียวของพี่โต๊ะที่เขียนบทออกมานะ คือเต็มที่เราก็นึกถึงไข่เจียวก็ไข่เจียวอ่ะ เจียวไข่ บางทีก็ใส่หอมแดงใส่พริกอะไรอย่างนี้ แต่อันนี้มันคือจินตนาการมันล้ำลึกมาก มันเป็นไข่เจียวแบบตอร์ปิโด เป็นอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ซึ่งเราไม่มีทางคิดได้ว่าไข่เจียวมันจะเป็นแบบนี้ได้ ผมว่าอันนี้ทึ่งมากอยู่ดีๆ ก็มีไข่เจียวหมุนได้ ปั่นได้ คือมันเป็นโลกของจินตนาการหลุดไปอีกโลกหนึ่ง แล้วนอกจากทุกคนจะเต็มที่แล้ว สิ่งที่ผมเห็นคือความสุขในช่วงที่ทุกคนแสดง คือเราเห็นรอยยิ้ม เราเห็นเสียงหัวเราะ เสียงรอยยิ้มระหว่างที่เราแสดง ผมรู้สึกว่าอันนี้คนดูรู้สึกได้พอเวลาคนดูได้ดู คนดูจะรู้สึกถึงความสุขที่ได้รับจากหนังเรื่องนี้ เพราะขนาดคนแสดงรู้สึกว่ามีความสุข รู้สึกอินไปกับหนังผมว่าคนดูรับรู้ได้ครับ ก็ฝากภาพยนตร์เรื่องนายไข่เจียวเสี่ยวตอร์ปิโดด้วยนะครับ หนังเรื่องนี้นะครับ ก็จะไม่ได้เห็นสิงโต นำโชค เล่นเป็นนักดนตรี ดีดอูคูเลเล่ หรือดีดกีตาร์อีกแล้วนะครับ ก็จะมีบ้างที่ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์นะครับ แต่ในหนังไม่มีอะไรที่เป็นสิงโต นำโชค ที่ทุกคนเคยเห็นมาก่อนนะครับ ยังไงก็ฝากไปชมกันนะครับแล้วเราก็จะได้เห็นอีกมิติหนึ่งที่ทุกคนยังไม่เคยเห็นจากสิงโตนำโชคครับ นายไข่เจียวเสี่ยวตอปิโด 5 ตุลาคมครับ ขอบคุณครับ







เรื่องที่เกี่ยวข้อง