ผอ.ศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. อัดยับ "พิธา" หนุน 10 ข้อเสนอ "ม็อบปลดแอก" ละเมิดสถาบัน ชี้อาจเข้าข่ายโดนยุบพรรค
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนสติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า มีประชาชนส่งข้อมูลมาให้ตน เมื่ออ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับนายพิธา ที่สนับสนุนม็อบปลดแอก ซึ่งปราศรัยจาบจ้วงล่วงเกินสถาบัน นับเป็นการให้ท้ายม็อบที่กระทำผิด นายพิธา ไม่ควรใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือเพื่อแสวงหาอำนาจให้กับพวกพ้อง และอย่าโยงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งประชาชนคนไทยทั้งประเทศเคารพรักเทิดทูน ทั้งนี้นายพิธา อย่าหยิบยกประเด็นข้อเรียกร้องต่างๆ มาเป็นเงื่อนไขทางการเมือง เพราะ นายพิธา ไม่ใช่คนเดือนตุลาจึงอาจไม่เข้าใจ และไม่มีความรู้ จึงอยากฝากให้ไปอ่านหนังสือเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย สิ่งสำคัญ คือ ต้องเรียนรู้ถึงสามัญสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพราะทุกพระองค์เสียสละเพื่อประเทศชาติมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
นายสามารถ ระบุอีกว่า สำหรับ นายพิธา ออกมายืนยันสนับสนุนม็อบปลดแอก ที่มี 10 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบัน ตนไม่เข้าใจว่า นายพิธา ได้ฟังหรืออ่านเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่ ถ้าได้อ่านแล้วยืนยันเหมือนเดิม ตนก็รู้สึกเป็นห่วงและผิดหวังกับแนวคิดของ นายพิธา แต่ถ้ายังไม่ได้อ่านก็ควรไปอ่านเสียก่อน อีกทั้งขอเตือนสติ นายพิธา เพราะใน 10 ข้อเรียกร้องนั้นมีการยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าผู้ใดจะกล่าวฟ้องร้องกษัตริย์มิได้, ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 และให้ยกเลิก พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ เป็นต้น อยากทราบว่า นายพิธา รับได้หรือไม่ และต้องออกมาชี้แจงเหตุผลให้กับสังคมด้วย เพราะพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักของชาติไทย ในรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า องค์พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
นายสามารถ ระบุเพิ่มเติมว่า ฉะนั้นการที่มีคนเรียกร้อง และนายพิธา เห็นด้วย ตนคิดว่าไม่น่าจะเกิดเป็นคนไทย เพราะประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ มีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น กรณี นายพิธา ออกมาพูดเช่นนี้อาจเป็นการล้มล้างการปกครอง และถ้าไปตีความอาจทำให้ถูกยุบพรรค แล้วจะมาโวยวายหาว่าถูกรังแก ซึ่งสิ่งที่ นายพิธา ทำอยู่นั้นไม่รู้ว่าศึกษากฎหมายมาหรือไม่ หรือเป็นการโยนหินล่อกระเบื้อง หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ ก็จะปลุกระดมให้มวลชนออกมาสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติและประชาชน ตนเป็นห่วง นายพิธา หากเดินแบบไม่มีหลักการอยู่เช่นนี้ จะสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย รวมทั้งตนไม่แปลกใจเลยว่าการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สมุทรปราการ คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกล น้อยกว่าเดิม และยังน้อยกว่าพรรคเพื่อไทย จึงอยากให้ นายพิธา หันกลับไปทำงานเพื่อประชาชนและแก้ปัญหาความเดือดร้อน น่าจะดีกว่ามาปั้นวาทะกรรมสร้างความเกลียดชังทำลายสถาบันหลักของประเทศ อย่าอยู่หลัง หรือให้ท้ายม็อบเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เพื่อให้พรรคก้าวไกล เป็นที่พึ่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป