หนุ่มคลั่งถือประแจทุบกระจกรถ อ้างทุบผิดคัน ก่อนขับหนีหาย ตำรวจเผยรู้ตัวคนทำแล้ว เตรียมเรียกมาแจ้งข้อหา ทำให้เสียทรัพย์
จากกรณีโลกออนไลน์ มีการแชร์คลิปที่สาวคนหนึ่งตะโกนต่อว่าชายขับรถเก๋ง ขณะมาทุบกระจกรถเก๋งตัวเองที่จอดอยู่ บอกให้ลงมาคุยกันก่อน แต่ชายคนดังกล่าวกลับค่อยๆ ถอยรถ และขับหนีไปหน้าตาเฉย เหตุเกิดใต้ทางด่วน ซอยแจ้งวัฒนะ 38 v.ปากเกร็ด นนทบุรี
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ม.ค. 64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ภายในซอยแจ้งวัฒนะ 38 จุดเกิดเหตุ เพื่อไปพบ น.ส.สรัลชนา สุฤทธิ์ อายุ 26 ปี อาชีพค้าขาย เจ้าของรถที่ถูกทุบจนเสียหาย และ น.ส.กฤษณา กิตติราช อายุ 41 ปี น้าสาว โดย น.ส.สรัลชนา เล่าว่า รถคันนี้เป็นรถของคุณพ่อ วันเกิดเหตุจอดรถไว้ที่ใต้ทางด่วนแจ้งวัฒนะเหมือนทุกวัน เพราะบ้านอยู่ละแวกนี้ ตอนนั้นมีคนรู้จักมาบอกว่า มีใครไม่รู้มาทุบรถ จึงรีบออกมาดูเห็นชายในคลิป ถือประแจทุบรถอยู่ จึงรีบเอาโทรศัพท์มาถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน พร้อมตะโกนถามว่ามาทุบรถทำไม
จากนั้น ชายคนดังกล่าวก็รีบขึ้นรถ บอกเธอว่าให้ไปตามเจ้าของรถมา ถ้าจะเอาเรื่อง จะไปรอที่ปากทางซอยแจ้งวัฒนะ 38 น้าเขยของตนจึงรีบขี่รถจักรยานยนต์ตามไป พอชายคนดังกล่าวเห็นน้าเขย ก็บอกว่าเข้าใจผิดและขับรถหนีไป ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ชายคนดังกล่าวขับรถมาจอด และยืนคุยโทรศัพท์เหมือนทะเลาะกับใครอยู่ แต่ฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนที่จะกระโดดถีบรถ แล้วใช้ประแจฟาดหลายครั้ง พอเห็นชาวบ้านออกมามอง กลับชี้หน้าด่า จึงไม่มีกลัาเข้าไปห้าม เพราะกลัวอันตราย
น.ส.สรัลชนา ผู้เสียหาย กล่าวเพิ่มเติมว่าหลังเกิดเหตุตนไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.สุวรรณ นาคยา รองสว.(สอบสวน)สภ.ปากเกร็ด และ พยายามหาข้อมูลชายคนนี้ จนทราบว่า ภรรยาทำงานอยู่โรงงานในซอยแจ้งวัฒนะ 38 ซึ่งภรรยา บอกว่า สามีเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรถตำรวจ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงไปก่อเหตุแบบนั้น "ตอนนี้ก็ยังรู้สึกกลัวๆ ชายคนนี้ เพราะทราบมาว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน เกรงจะกลับมาทำร้ายตนเอง เพราะตนเป็นคนที่โต้เถียงต่อว่าเขาในคลิป ถ้าเขามาเจรจาชดใช้ค่าเสียหายก็พร้อมจะพูดคุย แต่อยากถามสาเหตุว่า มาทุบรถคุณพ่อทำไม ตนกับครอบครัวก็ไม่เคยรู้จักกับเขาเลย จู่ๆมาก่อเหตุแบบนี้ได้อย่างไร"
ทางด้าน ร.ต.อ.สุวรรณ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า คดีนี้รู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้วอยู่ระหว่างออกหมายเรียกให้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้ให้ทางน้องผู้เสียหายมาชี้ตัวคนก่อเหตุ รวมทั้งเรียกบิดาน้องซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของรถมาให้ปากคำเพิ่มเติม หากผู้ก่อเหตุไม่มาตามหมายเรียกก็จะออกหมายจับ ส่วนข้อหาคงเป็นคดีทำให้เสียทรัพย์