เผยประวัติ "ชินโซ อาเบะ" กับที่มาของฉายา "ฮิตเลอร์แห่งเอเชีย" หลังถูกลอบฆ่าขณะหาเสียง

2022-07-08 14:15:28

เผยประวัติ "ชินโซ อาเบะ" กับที่มาของฉายา "ฮิตเลอร์แห่งเอเชีย" หลังถูกลอบฆ่าขณะหาเสียง

Advertisement

เผยประวัติ "ชินโซ อาเบะ" กับที่มาของฉายา "ฮิตเลอร์แห่งเอเชีย" หลังถูกลอบฆ่าขณะหาเสียง 



กลายเป็นข่าวที่ช็อกโลกที่สุดของวันนี้ (8 ก.ค. 65) หลัง "นายชินโซ อาเบะ" อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ถูกลอบยิงเข้าที่หน้าอกขณะช่วยลูกพรรคหาเสียงที่เมืองนารา โดยมีรายงานว่า นายอาเบะ เสียเลือดจำนวนมากหลังจากถูกยิง หมดสติ และมีภาวะหัวใจหยุดเต้น จนเจ้าหน้าที่ต้องทำ CPR ช่วยชีวิต ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งยังไม่มีรายงานต่อว่าขณะนี้อาการเป็นเช่นไร 




ซึ่งนายอาเบะวัย 67 ปี เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น 2 สมัย ระหว่างปี 2549-2550 และปี 2555-2563 ถือได้ว่าดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่นยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์

อ่านข่าวต่อเนื่อง 



"ชินโซ อาเบะ" อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น ถูกลอบยิงหมดสติขณะกล่าวสุนทรพจน์หาเสียง ยังไร้สัญญาณชีพ
มือปืนเผยแล้ว !! สาเหตุลอบยิง "ชินโซ อาเบะ"



โดยเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563 นายอาเบะได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งในสมัยที่ 2 โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพที่เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมาตลอด 1 เดือนก่อนหน้านั้น ส่วนการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยแรกเมื่อปี 2550 นายอาเบะก็อ้างเหตุผลด้านสุขภาพเช่นกัน โดยระบุว่ามีโรคเกี่ยวกับลำไส้





คำว่า "เจ้าชาย" มักจะถูกเรียกเป็นสมญานามจากปากผู้ที่ชื่นชอบ "ชินโซ อาเบะ"  และเป็นฐานคะแนนความนิยมของเขา โดยชินโซ อาเบะ เป็นลูกชายของนายชินทาโร อาเบะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และหลานชายของนายโนบุสึเกะ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในช่วง 1939-1940

ชินโซ อาเบะ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเมื่อปี 1993 และได้เป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในปี 2005 ในรัฐบาลของนายจุนอิชิโร โคอิซูมิ เพียงหนึ่งปีถัดมา ปี 2006 ชินโซ อาเบะ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ณ เวลานั้น ในวัย 52 ปี





และถึงแม้ความนิยมในตัวของอดีตผู้นำคนนี้จะมีค่อนข้างสูงและอยู่ในระดับที่ดีตลอดมา แต่ในสมัยของเขากลับมีเรื่องอื้อฉาว จนส่งผลเสียต่อคณะรัฐบาลของเขา ในปี 2007 พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) สูญเสียที่นั่งครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งสภาสูง ต่อมาในเดือน ก.ย. 2007 อย่างเรื่องรัฐบาลทำเอกสารเกี่ยวกับเบี้ยบำนาญสูญหาย ส่งผลกระทบต่อการยื่นเรื่องของผู้รับบำนาญราว 50 ล้านรายด้วยกัน ต่อมา อาเบะ ก็ขอลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพ 

ต่อมาในปี 2012 "ชินโซ อาเบะ" กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยบอกว่าหายดีจากอาการป่วยแล้ว ชินโซ อาเบะยังได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกในปี 2014 และ 2017 อย่างไรก็ตาม 28 สิงหาคม 2020 ชินโซ อาเบะได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายรัฐมนตรีอีกครั้ง เนื่องจากลำไส้ใหญ่อักเสบมีแผล และ สุขภาพไม่แข็งแรง





ก่อนหน้านี้ไม่นาน "นายอาเบะ" ถูกหนังสือพิมพ์โรดองซินมุนของพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือระบุว่า นายอาเบะเป็นพวกคลั่งลัทธิทหารจากการที่เขาพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพของญี่ปุ่นซึ่งใช้มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนายอาเบะ กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า อาจแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวซึ่งจำกัดให้กองทัพญี่ปุ่นเป็นเพียงกองกำลังป้องกันตนเองเท่านั้นภายในปี 2563

บทบรรณาธิการของสำนักข่าวเคซีเอ็นเอซึ่งใช้หัวข้อว่า ‘หรือนี่จะเป็นการถือกำเนิดของฮิตเลอร์แห่งเอเชีย’ ระบุว่า ผู้นำญี่ปุ่นจุดกระแสหวาดกลัวเกี่ยวกับภัยจากขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการขยายกองกำลังของประเทศตน นอกจากนี้ยังไม่มีความแตกต่างระหว่างอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเผด็จการนาซีเยอรมนีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้คลั่งลัทธิฟาสซิสต์และทำสงครามต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับสงครามอื่น กับนายอาเบะ ซึ่งกำลังใช้การเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับความทะเยอทะยานทางทหารครั้งใหม่ของญี่ปุ่น



นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังตำหนิญี่ปุ่นกรณีที่ไม่สามารถชดเชยความผิดฐานรุกรานคาบสมุทรเกาหลีในช่วงปี 2453-2488 และการอ้างอธิปไตยเหนือเกาะในอาณาเขตเกาหลี ทั้งยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเดินทางไปสักการะศาลเจ้ายาสุคูนิของผู้นำญี่ปุ่น ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้และจีนได้ออกมาประณามการที่ผู้นำญี่ปุ่นเดินทางไปศาลเจ้าดังกล่าวเพื่อสักการะดวงวิญญาณทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าเป็นการหยามเหยื่อจากการรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงสงครามอีกด้วย