รื้อฟื้นความหลังแสนเจ็บปวด !! “ไมค์ ภัทรเดช” ร่ำไห้ทนไม่ไหวเจอกะเทยล่อลวงจะกินตับ ทดท้อถึงขั้นคิดสั้นมาแล้ว
สร้างผลงานสร้างชื่อเสียงจนโด่งดังมีฐานแฟนคลับที่รักในตัวเขาและติดตามผลงานเป็นจำนวนมาก สำหรับ พระเอกหนุุ่มร่างกำยำซิกส์แพ็กพรีเมี่ยม "ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี" แต่ใครเลยจะรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้ได้เขาต้องผ่านบทพิสูจน์ชีวิตแสนเจ็บปวดและอุปสรรคต่างๆ มามากมายขนาดไหน
ล่าสุด หนุ่ม "ไมค์" ได้เปิดใจเล่าถึงชีวิตในอดีตถึงขั้นเคยคิดสั้น ผ่านรายการ TurningPoint EP.1 เกือบไม่มีพระเอกชื่อ “ไมค์ ภัทรเดช” โดยเผยถึงความหลังก่อนจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ว่า
"คือมันไม่เคยมีใครรู้ว่าชีวิตผมผ่านอะไรมาบ้าง (ร้องไห้) เราเครียดมาก ไม่อยากพูดถึงมัน อะไรที่ผ่านมาแล้วเราพยายามผ่านไป แต่ชีวิตเราเป็นแบบนี้แหละ ในวันที่เครียด เครียดมาก เรารักแม่แล้วเราไปไม่ถึง ถามว่าอยากฆ่าตัวตายไหม มันมีความคิดนั้นอยู่แล้ว คอนโดฯ อยู่ชั้น 26 ช่วงนั้นเครียดมากทำงานไม่โตเลย แล้วใช้ชีวิตไปวันๆ แล้วละครเรื่องหนึ่งถ่ายหลายเดือน ไม่มีงานอื่นเลยก็ถ่ายแต่ละคร ชีวิตอยู่แบบนี้ ...
... นั่งกินเหล้าริมระเบียงเกือบทุกวัน แต่ไม่เคยให้แม่รู้ ผมมองระเบียงชั้น 26 ทุกวัน มีสระว่ายน้ำโดดไปไม่ตายแต่จริงๆ ต้องการตาย แต่หลอกตัวเองว่าไม่ตายหรอก บางครั้งแทบเป็นบ้า ผ่านความคิดนั้นมาเยอะมาก เครียดมาก แต่ก็ไม่ทำเพราะมีแม่อยู่ ...
... วันหนึ่งเห็นแม่กำลังเตรียมน้ำผลไม้ให้เราไปกองในวันพรุ่งนี้ แม่ไปกองกับเราทุกวัน เห็นภาพแม่เตรียมน้ำผลไม้และวิตามินให้เราทุกวัน มองไปแม่หันมายิ้ม ความคิดเราเปลี่ยนเลย หลังจากวันนั้นชีวิตเราดีขึ้นเรื่อยๆ เลย"
"ตอนอายุ 16 มีคนมาชวนไปประกวดดัชชี่บอย ก็ไปประกวด แล้วได้ที่ 1 ของภาคอีสาน แล้วมาประกวดที่กรุงเทพฯ ได้ที่ 3 และได้เข้ามาอยู่ในสารบบของวงการบันเทิงพักหนึ่ง ก็มาเจอเรื่องราวที่มันไม่ใช่ ผมไม่ได้เกลียดกะเทยนะ มีเพื่อนกะเทยเยอะมาก และรักเขามาก เพราะเขาเป็นคนที่สนุกมาก แต่พอเรามาเจอคนที่พาเรามาประกวดดัชชี่ มันเป็นอีกแบบหนึ่ง เราเป็นเด็กมีความฝันและเขาเป็นคนพาเราไปเขาต้องการอะไรที่มากกว่านั้น เป็นด่านแรกที่เราต้องผ่านก่อนที่เราจะเป็นพระเอก ด่านแรกที่เราต้องเจอ คือเราต้องให้เขากินก่อน"
ไมค์เล่าว่าตอนแรกเป็นพี่น้องกัน รักเขามาก แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งจะมาทำอย่างนั้น ก็เลยตัดเขาไปเลย ทำเอาพระเอกดังเข็ดกับวงการไปเลย
“ตอนนั้นอยู่ ม.5 ถ้าจะต้องไปเป็นพระเอกแล้วต้องเจอแบบนี้ก็เลยตัดทิ้งไปเลย ก็กลับไปเรียนหนังสือ ที่จีนจนอายุ 21 ปี ไม่เอาแล้ววงการนี้”
ซึ่งชีวิตที่เติบโตมาของไมค์ เขาบอกว่า เป็นชีวิตที่อิสระมาก ครอบครัวมีธุรกิจและฐานะค่อนข้างดี ใช้เงินอิสระ แม่โอนให้ตลอด จนเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นกับครอบครัว
“มีครั้งนี้แม่โอนช้าไป 1 อาทิตย์ เลยโทรไปถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ก็บอกว่า แม่ไม่มีเงิน ล้มละลาย เพิ่งเลิกกับพ่อ เพิ่งหย่ากัน แม่คงกลัวว่าผมจะเครียด แต่ผมบอกแม่ว่าไม่เป็นไร เทอมแรกมีสอบชิงทุน ผมสอบได้ ได้เงินเดือนละ 5 พัน ผมใช้เดือนละ 5 พันก็ได้ ก็บอกให้แม่ดูแลตัวเอง เดี๋ยวผมกลับไปผมจะดูแลแม่เอง เป้าหมายเดียวในชีวิตตอนนั้นคือผมจะต้องดูแลแม่ผมให้ได้”
หลังจากกลับมาประเทศไทยไมค์บอกว่าก็เจอกับคนๆ นั้นอีก คนที่ได้ฝากชีวิตไว้กับเขา และเขาได้แนะนำผมให้รู้จักกับคนๆ หนึ่งที่เขาจะพาผมไปสู่ดวงดาว เป็นผู้จัดการดาราใหญ่ ตอนนั้นไมค์คิดแล้วว่าใกล้ถึงฝันแล้ว
“แต่พอไปเจอพี่เขาวันแรก ให้เราไปรับที่ห้างที่พาดาราเขาไปทำงาน พอรับเขาไปส่งโรงแรม ก็ช่วยเขาขนของ ไม่ได้คิดอะไร ตอนนั้นปี 4 พอขนของเสร็จก็จะกลับแต่เขาชวนให้ไปคุยกันก่อน เขาก็ขอให้ผมถอดเสื้อ เขาขอดูหุ่นจะเป็นดารารูปร่างต้องเป็นยังไง พอถอดเสร็จก็ให้ถอดกางเกง และผมก็ถอดเพราะเขาบอกว่าอยากดูต้นขา เพราะดาราบางคนขาใหญ่ บางคนขาเล็ก ใส่ยีนส์อย่างไรจะได้เหมาะ”
มุมมองในตอนนั้นไมค์บอกว่า มันก็มีความจะเป็นไปได้ตามที่เขาพูด พร้อมกับเล่าต่อว่า
“ดูเสร็จ เรียกให้ไปนั่งบนเตียงกับเขา มานั่งคุยกัน อยากต่อยหน้าตัวเองมาก ทำไมถึงอยากเป็นดาราขนาดนั้น ตอนนั้นรู้แล้ว แต่เรากลับไปนั่ง แต่โชคดีที่ศักดิ์ศรีใหญ่พอ เขาถอดเสื้อเขา ผมก็เลยลุก และถามเขาว่า การจะเป็นพระเอก เป็นดารา ต้องทำแบบนี้ทุกคนไหม เขาบอกว่าแล้วแต่จะตกลงกัน”
เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เป็นจุดทำให้ไมค์ตัดสินใจว่าจะไม่เป็นดาราแล้ว เลยเปลี่ยนความฝันไปเป็นนักธุรกิจ