"พิจารณ์"ทวงเอกสารกองทัพเรือ ครบ 1 เดือนเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ยังส่งให้ กมธ.ทหารไม่ครบ
เมื่อวันที่ 17 ม.ค.66 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการทหาร แสดงความเห็นกรณีเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางเป็นเวลาครบ 1 เดือนในวันนี้ว่า ขณะนี้ครบรอบ 1 เดือนของโศกนาฏกรรม หลังจาก กมธ. การทหารประชุมเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 และได้ขอเอกสารสำคัญจากกองทัพเรือทั้งหมด 8 รายการ แต่ผ่านมา 25 วัน กองทัพเรือส่งให้เพียง 2 รายการ ยังไม่มีเอกสารเพิ่มเติมมาถึง กมธ. ตามที่ขอไป สิ่งที่เราต้องการมาก คือ ประวัติการซ่อมเรือหลวงสุโขทัย ตั้งแต่ปี 2540 ถึงปัจจุบัน เพื่อให้ทราบข้อมูลการซ่อมบำรุงตามวงรอบว่าได้ทำตามมาตรฐานหรือไม่ เนื่องจากได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าว รวมถึงข้อสังเกตที่สาธารณะตั้งคำถามเกี่ยวกับสภาพความพร้อมใช้งานของเรือ ไม่ว่าจะเป็น การซ่อมบำรุงครีบกันโคลง (Fin Stabilizer) ที่มีข้อมูลว่าถูกถอดออกไปแล้ว การซ่อมแซมตัวเรือบริเวณใต้ผิวน้ำที่สึกหรอและบางลง เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ รวมถึงการซ่อมเปลี่ยนแบริ่งรองรับเพลาจักร นอกจากนั้น ยังมีรายชื่อของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ซึ่งกองทัพเรือยังไม่เปิดเผยชื่อ โดยในวันที่ 19 ม.ค.นี้ ทาง กมธ.การทหาร ได้เชิญกองทัพเรือมาหารือที่รัฐสภา เพื่อติดตามความคืบหน้าและทวงถามเอกสาร ต้องย้ำอีกครั้งว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทั้งทรัพย์สินของรัฐ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูญเสียชีวิตกำลังพล เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราจำเป็นต้องถอดบทเรียนและหาสาเหตุที่ชัดเจนว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดจากอะไร
นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลและตนจะติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง แต่หากยังไม่มีความชัดเจน ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เรื่องนี้จะอยู่ในประเด็นการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ เพราะยังมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่สังคมตั้งคำถามและต้องการคำตอบ โดยการอภิปรายครั้งนี้ จะเป็นการทำงานครั้งสุดท้ายของพรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้านในรัฐสภาชุดนี้ พรรคได้เตรียมข้อมูลเพื่ออภิปรายรัฐบาลประยุทธ์ไว้อย่างเต็มที่ แม้เป็นการอภิปรายทั่วไปที่ไม่มีการลงมติ แต่เชื่อว่าจะช่วยสะท้อนการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล และสะท้อนความไม่โปร่งใสของกองทัพได้เป็นอย่างดี ผลพวงจากการอภิปรายครั้งนี้ จะนำไปสู่การพิพากษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรีชุดนี้ผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน