"อี้ แทนคุณ" สาธุ "พระพยอม" หยุดวิจารณ์การเมือง ปลุกรักสถาบัน ป้องกันการล่าอาณานิคมใหม่
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 66 ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวสาธุกรณีพระราชธรรมนิเทศ หรือ พยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้วได้กล่าวขอบคุณตนที่เป็นห่วงท่านในกรณีที่ท่านออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองทั้งการเชียร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและการวิจารณ์สถาบันว่า ตนรู้สึกซาบซึ้งและยังคงมีความหวังดีระลึกถึงคุณงามความดีที่พระอาจารย์เมตตาสั่งสอนมาตลอดและดีใจที่ท่านจะหยุดวิจารณ์การเมืองและสถาบันฯและกลับมาเทศนาธรรมะเป็นหลัก โดยอยากกราบถวายข้อมูลแด่พระอาจารย์ในกรณีนี้ว่าหากท่านจะให้ใช้หลักคณิตศาสตร์มาหักล้างบุญบาป โดยท่านขอให้นึกถึงคนที่ท่านดูแลอยู่กว่า 2,000 คนตนจึงอยากกราบเรียนท่านด้วยความเคารพว่าเป็นเรื่องดีที่ท่านได้ช่วยเหลือผู้คนมากมายเฉกเช่นเดียวกับที่สถาบันฯได้ช่วยเหลือประชาชนกว่า 70 ล้านคนโดยไม่เลือกปฎิบัติและไม่เลือกสถานการณ์ ทรงเป็นห่วงและให้ความสำคัญในการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัชกาลที่9 ต่อเนื่องมารัชกาลที่ 10 ทั้งเหตุการณ์พิบัติภัยธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วม พายุ ภัยแล้งและมนุษยภัย คือการกระทำของมนุษย์ เช่นเหตุกราดยิง ความไม่สงบในชายแดนใต้ หรือเหตุการณ์ล่าสุดโครงสร้างสะพานข้ามแยกลาดกระบังถล่ม เป็นต้น โดยเฉพาะสถาบันในฐานะเป็นความมั่นคงของรัฐและพระศาสนา เพื่อป้องกันการแทรกแซง รุกราน คุกคาม และล่าอาณานิคมของลัทธิจักรวรรดินิยมใหม่ของมหาอำนาจโดยรูปแบบการล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรมผ่านโซเชียลมีเดียมีทั้งการบ่อนเซาะทำลายจนถึงการสลายความศรัทธาความเชื่อทางจิตใจของคนไทยและขยายผลไปสู่การทำลายคุณธรรมจริยธรรมในสังคมโดยมีนักการเมืองและกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รับการสนับสนุนจากต่างชาติจำนวนมาก มีการเปิดโปงอยู่ในสื่อเป็นระยะๆ โดยหากสามารถทำลายสถาบันฯที่เป็นตัวแทนความมั่นคงแห่งรัฐ คือ พระมหากษัตริย์ ย่อมสั่นคลอนถึงพระศาสนาได้แล้ว ต่อไป คือ การยึดครองทรัพยากรและผลประโยชน์ของชาติก็ถูกแทรกแซงแย่งชิงด้วย โดยพระอาจารย์สังเกตจากกรณีหลายประเทศที่ไม่มีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่มีหลักคุ้มกันด้านความมั่นคงกลายเป็นการจลาจล สงครามกลางเมือง และสงครามร้อนโดยมีนักการเมืองที่กระหายอำนาจทำทุกวิถีทางในการปลุกปั่นหลอกลวงให้คนแตกแยกกัน ดังนั้นจึงขอกราบอนุโมทนาสาธุกับพระอาจารย์ที่จะไม่กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนลัทธิจักรวรรดินิยมใหม่ ดังนั้น การพิทักษ์สถาบันย่อมเป็นการพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาตินั่นเอง