กรมส่งเสริมวัฒนธรรมประกาศ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น 77 จังหวัด
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ลงนามใน ประกาศกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เรื่อง ผลการคัดเลือกกิจกรรม 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) "รสชาติที่หายไป The Lost Taste" ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทย อาหารท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทย รวมถึงการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับอาหารไทย และอาหารท้องถิ่น ต่อยอดสมุนไพรไทย สรรพคุณทางเลือก และส่งต่อเป็นภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น เป็นการส่งเสริมศักยภาพของเครือข่ายวัฒนธรรมในการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้พิจารณาคัดเลือกกิจกรรม "1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น" โดยมีรายการอาหารที่ได้รับการคัดเลือกเป็น "1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น" ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 77 เมนู ดังนี้
1.ข้าวตอกตั้ง กรุงเทพมหานคร
2.แกงมัสมั่นกล้วยไข่ จ.กำแพงเพชร
3.ยำไกน้ำของ (สาหร่ายแม่น้ำโขง) จ.เชียงราย
4.ตำจิ้นแห้ง จ.เชียงใหม่
5.เมี่ยงจอมพล จังหวัดตาก
6.ทอดมันปลากราย จ.นครสวรรค์
7.แกงแคไก่พื้นเมือง จ.น่าน
8.หลนปลาส้มพะเยา จ.พะเยา
9.ยำส้มโอกระทงทองสูตรเมืองชาละวัน จ.พิจิตร
10.น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง จ.พิษณุโลก
11.ปิ้งไก่ข้าวเบือ จ.เพชรบูรณ์
12.น้ำพริกน้ำย้อย จ.แพร่
13.ข้าวส้ม โถ่โก้ จ.แม่ฮ่องสอน
14.ยำปลาแห้ง จ.ลำปาง
15.แกงฮังเลลำไย อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน
16.ข้าวเปิ๊บสุโขทัย จ.สุโขทัย
17.อั่วบักเผ็ด จ.อุตรดิตถ์
18.ข้าวแดะงา จ.กาฬสินธุ์
19.ปลาแดกบองสมุนไพร จ.ขอนแก่น
20.คั่วเนื้อคั่วปลา จ.ชัยภูมิ
21.เมี่ยงตาสวด จ.นครพนม
22.เมี่ยงคำ (โคราช) จ.นครราชสีมา
23.หมกหม้อปลาน้ำโขง จ.บึงกาฬ
24.ขนมตดหมา จ.บุรีรัมย์
25.แจ่วร้อนท่าขอนยาง จ.มหาสารคาม
26.ตำเมี่ยงตะไคร้ ลำข่าสดใส่มดแดง จ.มุกดาหาร
27.อั่วกบ (กบยัดไส้) จ.ยโสธร
28.ข้าวป้นน้ำยาปลาหลด จ.ร้อยเอ็ด
29.ส้าปลาน้ำโขง จ.เลย
30.ละแวกะตาม จ.ศรีสะเกษ
31.แกงหวาย จ.สกลนคร
32.เบาะโดง (น้ำพริกมะพร้าวโบราณ) จ.สุรินทร์
33.หลามปลาน้ำโขง จ.หนองคาย
34.เมี่ยงคำลำภู จ.หนองบัวลำภู
35.อู๋พุงปลา จ.อำนาจเจริญ
36.ข้าวต้มมัดบัวแดง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
37.ลาบหมาน้อย จ.อุบลราชธานี
38.แกงส้มญวน จ.กาญจนบุรี
39.ต้มปลาร้าหัวตาล จ.ชัยนาท
40.ยำส้มโอ จ.นครปฐม
41.ข้าวตอกน้ำกะทิทุเรียนนนท์ จ.นนทบุรี
42.เมี่ยงคำบัวหลวง จ.ปทุมธานี
43.แกงคั่วส้มหน่อธูปฤาษีกับปลาช่อนย่าง จ.ประจาบคีรีขันธ์
44.แกงเหงาหงอด จ.พระนครศรีอยุธยา
45.แกงหัวตาล จ.เพชรบุรี
46.แกงกะลากรุบ จ.ราชบุรี
47.ยำปลาส้มฟัก จ.ลพบุรี
48.แกงรัญจวน จ.สมุทรสงคราม
49.ต้มยำปลาทูโบราณ จ.สมุทรสาคร
50.แกงบวน จ.สิงห์บุรี
51.ปลาหมำสมุนไพรทอดกรอบ จ.สุพรรณบุรี
52.ปลาแนม จ.อ่างทอง
53.ต้มส้มปลาแรด จ.อุทัยธานี
54.ลุกกะทิ หรือน้ำพริกกะทิชองพร้อมผักเคียง จ.จันทบุรี
55.หมูหงส์ จ.ฉะเชิงเทรา
56.ปลาคก จ.ชลบุรี
57.แกงเลียงกะแท่งหอยนางรม จ.ตราด
58.น้ำพริกป่ามะดัน จ.นครนายก
59.แกงกะทินางหวาน จ.ปราจีนบุรี
60.แกงส้มผักกระชับ จ.ระยอง
61.ขนมย่างจากใจ จ.สมุทรปราการ
62.น้ำพริกกะสัง จ.สระแก้ว
63.ลาบหัวปลี จ.สระบุรี
64.ปลาจุกเครื่อง จ.กระบี่
65.แกงส้มหยวกกล้วยกับหมูสามชั้น จ.ชุมพร
66.โกยุก จ.ตรัง
67.ขนมปะดา จ.นครศรีธรรมราช
68.อาเกาะ จ.นราธิวาส
69.ข้าวยำ จ.ปัตตานี
70.อาจาดหู จ.พังงา
71.แกงขมิ้น จ.พัทลุง
72.น้ำซุปเมืองหลาง 9 อย่าง จ.ภูเก็ต
73.ข้าวยำโจร (ข้าวยำคลุกสมุนไพร) จ.ยะลา
74.ก็กซิมบี้ จ.ระนอง
75.ข้าวสตู จ.สงขลา
76.ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ จ.สตูล
77.แกงขมิ้นไตปลาโบราณ จ.สุราษฎร์ธานี
นายโกวิท กล่าวว่า จากการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการเพื่อพิจารณาคัดเลือกกิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” ที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญจากหลายด้าน อาทิ ด้านมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ด้านวิจัยภูมิปัญญาและการพัฒนาชุมชน ด้านอาหารและโภชนาการ ด้านการสร้างโมเดลธุรกิจและการเติบโตการตลาดดิจิทัล ด้านเชฟชุมชนอาหารไทยและอาหารพื้นเมือง ได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกเมนูอาหารที่นายกเหล่ากาชาดจังหวัด สภาวัฒนธรรมจังหวัดและสำนักงานวัฒนธรรมทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร นำเสนอมาจังหวัดละ 3 เมนู รวมทั้งสิ้น 231 รายการ เพื่อให้กรรมการได้พิจารณาคัดเลือกให้เป็นเมนูตัวแทนจังหวัด รวม 77 เมนู ซึ่งเมนูอาหาร 77 เมนู ที่ผ่านการคัดเลือกนี้ ถือเป็นเมนูที่เปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญาด้านอาหาร มีสรรพคุณในทางยาสมุนไพร มีส่วนผสมหรือเครื่องปรุงที่ถูกหลักโภชนาการ ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นมรดกที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งยังเป็นอาหารที่มีความเสี่ยงใกล้จะสูญหาย ด้วยขั้นตอนกรรมวิธีการทำที่ยุ่งยากซับซ้อน อาจจะไม่เหมาะสำหรับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน จึงเป็นเมนูอาหารที่ทรงคุณค่าต่อการอนุรักษ์สืบสาน และส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดให้ได้รับความนิยมต่อไป