บันทึกความทรงจำสถานทูตอังกฤษก่อนย้ายสู่สถานที่ใหม่

2018-03-09 14:10:50

บันทึกความทรงจำสถานทูตอังกฤษก่อนย้ายสู่สถานที่ใหม่

Advertisement

หลังจากสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยตัดสินใจขายอาคารและพื้นที่ทั้งหมดในย่านเพลินจิตให้กับฮ่องกงแลนด์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง จาร์ดีน แมธทีสัน กับ กลุ่มเซ็นทรัล ด้วยมูลค่า 420 ล้านปอนด์ หรือ 1.86 หมื่นล้านบาท คือมูลค่าการซื้อขายที่ดินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และเป็นการขายที่ดินครั้งใหญ่ที่สุดของกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร ทางรัฐบาลสหราชอาณาจักรจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้พัฒนาสถานเอกอัครราชทูต 30 – 40 แห่งทั่วโลก นอกจากมูลค่าที่สูงลิบลับแล้วคุณค่าของที่ดินผืนนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ซ้อนทับกันหลายมิติและหลายสมัย ภายใต้ภายในพื้นที่ 23 ไร่ ก่อนที่พื้นที่ผืนนี้จะเปลี่ยนแปลงไปช่วงกลางปีหน้า เราอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ และบันทึกความทรงจำเก็บไว้ร่วมกัน 



ก่อนหน้าที่สถานทูตจะย้ายมาอยู่ที่เพลินจิตเคยตั้งอยู่ที่ย่านบางคอแหลมติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาปัจจุบันคือพื้นที่ของอาคารไปรษณีย์กลางบางรัก ต่อจากนั้นเนื่องจากสมัยนั้นการคมนาคมใช้ทางน้ำเป็นหลัก ต่อมามีการตัดถนนจึงได้ย้ายมายังเจริญกรุงแต่เมื่อปี 1902 ย่านนี้เต็มไปด้วยเสียงดังรบกวนและมลพิษในแม่น้ำแออัดไปด้วยเรือมากมายหลายประเภท โดยเฉพาะเรือกลไฟที่เปิดหวูดเสียงดังทั้งกลางวันและกลางคืน ต่อมาในปี 1905 เมื่อรถรางเปิดให้บริการบนถนนเจริญกรุง ก็ได้ยินเสียงกระดิ่งจากรถรางทั้งวันทั้งคืน ทางสถานทูตจึงตัดสินใจย้ายสถานที่ตั้งอีกครั้งเป็นย่านเพลินจิตโดยนำที่ดินแปลงนี้ไปสร้างไปรษณีย์กลางของกรุงเทพฯ






สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยที่ ถ.เพลินจิตเดิมเป็นที่ดินของ พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ นายเลิศ ตั้งอยู่ระหว่างเพลินจิตกับคลองแสนแสบ ภายในพื้นที่ทั้งหมดมีอาคารอยู่หลายหลัง เช่น ทำเนียบทูต อาคารสำนักงาน และบ้านพักเจ้าหน้าที่ สร้างเสร็จในปี 1926 โดยสถาปนิกของ Ministry of Work ในปี 1947 ที่นี่ได้รับการยกระดับเป็นสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย พื้นที่ชั้นล่างใช้เป็นที่รับแขก ส่วนชั้นบนเป็นที่พักของเอกอัครราชทูตและครอบครัว และที่พักรับรองของแขก ที่ผ่านมามีราชวงศ์อังกฤษหลายพระองค์เสด็จฯ มาเยี่ยมที่นี่ เช่น สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 1972 เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ในปี 1968 และ 1972 และทั้งสองพระองค์เสด็จฯ เยือนครั้งล่าสุดเมื่อปี 1996 ส่วนพื้นที่ชั้นสองเป็นที่พักส่วนตัวของเอกอัครราชทูตและครอบครัว



สำหรับรายละเอียดในการย้ายสถานทูตในครั้งนี้โดยพระบรมรูปสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียจะมีการเคลื่อนย้าย แต่ยังอยู่ในพื้นที่เดิมต่อไป อนุสรณ์สงครามจะถูกย้ายออกไปตั้งในสถานที่ที่เหมาะสม ส่วนทำเนียบทูตจะถูกรื้อ แต่ยังไม่มีแผนที่แน่ชัดว่าจะเป็นการรื้อออก หรือย้ายทั้งหลัง หรือรื้อแล้วนำบางส่วนกลับมาสร้างใหม่ในรูปแบบอื่น คงต้องติตตามกันต่อไป