พ่อแม่พ้อเครนทับลูกชายดับเยียวยาล่าช้า (มีคลิป)

2024-07-26 15:38:24

พ่อแม่พ้อเครนทับลูกชายดับเยียวยาล่าช้า (มีคลิป)

Advertisement

พ่อแม่ร้องยุติธรรมจังหวัด สื่อมวลชน หลังเครนทับลูกชายดับพร้อมเพื่อน 3  รายยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากบริษัท

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.67 ที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์  นายอุทัย เศรษฐนันท์ อายุ 64 ปี อดีตกำนัน ต.หนองกุง อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 4 ต.หนองกุง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางสมัย เศรษฐนันท์ อายุ 63 ปี ภรรยา นำเอกสารหลักฐานบันทึกแจ้งความ และบันทึกการตกลงค่าสินไหมทดแทน ร้องขอความช่วยเหลือกับฝ่ายกฎหมายสำนักงานยุติธรรมและสื่อมวลชน หวั่นไม่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทน ทั้งที่ทางฝ่ายบริษัทเจ้าของเครน ลงนามยินยอมต่อหน้าพนักงานสอบสวนและทนายความแล้ว


นายอุทัย กล่าวว่า ตามที่ นายจิตติชัย เศรษฐนันท์ ลูกชาย อายุ 32 ปี ถูกเครนของบริษัทแห่งหนึ่งล้มทับเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 พ.ค.67 ช่วงเวลาประมาณ 21.20 น. ที่ผ่านมา พร้อมเพื่อนคนงานอีก 2 คน คือนายวราวุฒิ อ้วนแก้ว อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 1 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และนายสมพงษ์ เจียมรัมย์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 7 ต.เมืองโพธิ์ อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ พร้อมแพทย์เวร รพ.บึงกาฬ ร่วมชันสูตร ตรวจที่เกิดเหตุ และรับเป็นคดีชันสูตรพลิกศพแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับเงินสินไหมชดเชยการเสียชีวิต จากบริษัทเจ้าของเครน ที่ผ่านมาได้รับเงินค่าจัดการศพเพียง 40,000 บาท เท่านั้น

นายอุทัยกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา โดยการประสานของ ร.ต.อ.รัฐพล เดชนรสิงห์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ได้มีการติดต่อประสานเพื่อตกลงค่าสินไหม กระทั่งมีการบันทึกตกลงค่าสินไหมกันที่ สภ.เมืองบึงกาฬ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 ระหว่างตัวแทนบริษัทรับเหมา กับญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย โดยญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมดเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนศพละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,500,000 บาท ก่อนที่จะมีการต่อรองราคากันใหม่ 2 ศพแรกคงเหลือศพละ 200,000 บาท แต่ตนยอมลดจำนวนเงินลงเหลือ 400,000 บาท ซึ่งทางตัวแทนบริษัทคู่กรณี ยินยอมรับข้อเสนอ และจะจ่ายเงินให้ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน จากนั้นทุกฝ่ายลงนามในบันทึกตกลงค่าสินไหมทดแทน ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ที่เป็นสักขีพยาน


"จากวันที่บันทึกตกลงค่าสินไหมทดแทน และจากการติดต่อทางโทรศัพท์ผ่านพนักงานสอบสวน เพื่ออยากทราบถึงความคืบหน้าการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ก็ได้รับคำตอบว่าทางฝ่ายบริษัทยังเฉยอยู่ ไม่มีการติดต่อมาอย่างใด จึงไม่มีความชัดเจนที่จะจ่ายเงินเลย ทำให้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากวันที่27 ก.ค. ก็จะครบ 45 วันตามที่บันทึกตกลงกันแล้ว ซึ่งไม่มั่นใจว่าทางบริษัทจะจ่ายค่าสินไหมให้  จึงได้นำเอกสารที่เป็นหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกชาย มาร้องขอความเป็นธรรมต่อฝ่ายกฎหมายสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ และสื่อมวลชน ให้ช่วยประสานพนักงานสอบสวนและทางบริษัทให้รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย" นายอุทัยกล่าว

ด้านนางสมัย เศรษฐนันท์ อายุ 63 ปี แม่นายจิตติชัยผู้เสียชีวิตกล่าวทั้งน้ำตาว่า นายจิตติชัยเป็นลูกชายคนเดียว เคยมีภรรยาแต่ได้หย่าร้างกัน และต้องรับภาระหาเลี้ยงครอบครัวและส่งเสียลูกสาว 1 คน ที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 2 จากการสูญเสียลูกชายซึ่งเป็นกำลังหลักสำคัญของครอบครัว โดยที่ยังไม่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทน ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ นอนร้องไห้ทุกคืน เกรงว่าทางบริษัทจะไม่ยอมจ่ายเงิน ทุกวันนี้จึงเหมือนหมดที่พึ่ง จึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือกับฝ่ายกฎหมายสำนักงานยุติธรรมจังหวัด และร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนในครั้งนี้ หวังจะได้เงินมาเป็นค่าเลี้ยงดูและส่งเสียลูกสาวนายจิตติชัยเรียนหนังสือ เพราะทุกวันนี้ลำบากและเดือดร้อนมาก ต้องหยิบยืมเงินญาติพี่น้องเพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนและให้หลานไปโรงเรียน ตนกับนายอุทัยสามีซึ่งอายุมากแล้ว ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร   จึงขอความเห็นใจจากบริษัทเจ้าของเครนที่ล้มทับลูกชายเสียชีวิตรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทนด้วย


ขณะที่ ดร.นฤพล เมนไธสง ที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากได้สอบถามปัญหาความเดือดร้อน ของนายอุทัยและนางสมัยแล้ว ได้ให้คำแนะนำว่าให้รอการประสานจากพนักงานสอบสวน หากทางบริษัทคู่กรณีไม่ทำตามข้อตกลง และไม่ยอมเยียวยา จะได้มีการสั่งฟ้องบริษัทรับเหมาต่อไป  ทั้งนี้สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์มีกองทุนช่วยเหลือ เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายให้ ไม่ต้องกังวล  เบื้องต้นได้บันทึกรับเรื่อง และยื่นความจำนงขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

ด้าน  ร.ต.อ.รัฐพล เดชนรสิงห์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ระบุว่าตั้งแต่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดต่อคู่กรณีมาเจรจา เพื่อตกลงหาข้อยุติกันตลอด กระทั่งเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยเบื้องต้น และมีการบันทึกข้อตกลงค่าสินไหมทดแทนร่วมกัน ระหว่างบริษัทเจ้าของเครน กับญาติผู้เสียชีวิต แต่ขยถึงวันนี้เท่าที่ทราบว่ายังไม่มีการจ่ายเงินกันแต่อย่างไร ทั้งนี้ภายในสัปดาห์หน้า หากไม่มีความคืบหน้า พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหากับทางบริษัท และดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับญาติผู้เสียชีวิต