โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯห่วงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ สั่งเร่งแก้ไขสัญญาณโทรศัพท์ต้องเสร็จด่วน มอบ "ภูมิธรรม"แก้ไขสถานการณ์ภัยพิบัติในอนาคต
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ประจำวันที่ 3 ธ.ค.โดย เปิดเผยถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงต่อสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่ถึงแม้จะคลี่คลายแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ อีกในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ตตานี ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้าและประปา นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งเข้าแก้ไข โดยเฉพาะสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อที่จะให้ประชาชน สามารถสื่อสารได้เนื่องจากในพื้นที่ภาคใต้มีพื้นที่กว้างขวาง และบ้านเรือนแต่ละหลังอยู่ห่างไกลกันจึงมีความจำเป็นที่ต้องเร่งต่อระบบโทรศัพท์ ให้เรียบร้อยไม่เกินวันที่ 4 ธ.ค.
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า จากการที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยา มีการแจ้งเตือนว่าตั้งแต่วันที่ 3-5 ธ.ค.จะเกิดเคลื่อนลมแรงที่บริเวณ ชายฝั่งทะเลตะวันออก และ อ่าวไทย ก็อาจจะไปซ้ำเติม ปัญหาอุทกภัย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และในอีกหลายจังหวัด ทั้งนี้เพื่อการบรรเทาสถานการณ์ ปัญหาอุทกภัย ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งการให้ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้หารือกัน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เพียงสถานการณ์น้ำท่วมเท่านั้นและเดือน ม.ค. ก็จะเข้าสู่ช่วงภัยแล้ง นายกรัฐมนตรีจึงมองว่าควรให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยวาตภัยและดินโคลนถล่ม (ศปช.) โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหน้าที่ แก้ไขสถานการณ์อย่างทางด่วนโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่า ขอให้ ศปช. เร่งปฏิบัติหน้าที่และใช้กลไกตามกฎหมายในการบริหาร ระดมความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนเพื่อเข้าแก้ไขสถานการณ์ภัยพิบัติโดยเร็ว รวมถึงเร่งสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายภายหลังจากน้ำลด ให้แล้วดสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมครม. เพื่อทำการพิจารณางบประมาณ เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้ประชาชนต่อไป
นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอนุชิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ได้ชี้แจงว่ายังมีบางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอยู่ อีก 6 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ประชาชนได้รับผลกระทบถึง 664,173 ครัวเรือน โดยที่ประชุม ครม. ได้ขยายกรอบวงเงินช่วยเหลือจากเดิมจังหวัดละ 20 ล้านบาท เป็นจังหวัดละ 50 ล้านบาท และที่ประชุมยังมีพิจารณาเรื่องเงินเยียวยา ให้ กับประชาชนที่ได้รับ ความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ครัวเรือนละ 9,000 บาทตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งหลังจากนี้ แต่ละจังหวัดก็จะต้องเสนอเข้ามาว่าจะให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในด้านใด โดยยึดหลักมาตรฐานที่เคยทำไว้ในพื้นที่ภาคเหนือ