คู่กรณี "แสตมป์" ยกเลิกแถลงข่าว หลังพอใจคำขอโทษ พร้อมให้คดีที่เหลือเป็นไปตามกฎหมาย
กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของประเด็นร้อนในวงการบันเทิง หลังจากที่ทนายความชื่อดัง นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือที่รู้จักในนาม "ทนายคลายทุกข์" ได้ออกมาแจ้งข่าวสำคัญเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 เวลา 12.16 น. ผ่านกลุ่มไลน์สื่อมวลชนว่า คู่กรณีของนักร้องดัง แสตมป์ อภิวัชร์ ตัดสินใจ ยกเลิกการแถลงข่าว ที่เดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันเดียวกัน
ในข้อความแจ้งต่อสื่อมวลชน ทนายเดชาระบุว่า คู่กรณีของแสตมป์ได้แสดงความ พอใจในคำขอโทษ ที่แสตมป์แสดงออกมาก่อนหน้านี้ และไม่มีความประสงค์จะดำเนินการในส่วนอื่นเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม คดีความในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

ทั้งนี้ คำขอโทษของ "แสตมป์" ดูเหมือนจะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คู่กรณียอมยุติความเคลื่อนไหวในแง่สื่อมวลชน แต่ในส่วนของคดีความที่อาจยังคงอยู่ ต้องรอติดตามว่ากระบวนการทางกฎหมายจะนำไปสู่บทสรุปอย่างไร
หลังข่าวนี้แพร่กระจายบนโลกออนไลน์ แฟนคลับและชาวเน็ตมีความคิดเห็นหลากหลาย หลายคนมองว่านี่เป็นก้าวแรกที่ดีในการลดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะที่บางส่วนยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับผลกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของแสตมป์ รวมถึงวงการเพลงที่เกี่ยวข้อง
เรื่องราวดราม่าที่เคยร้อนแรงกำลังเริ่มลดอุณหภูมิลง อย่างไรก็ตาม แฟนเพลงและสื่อมวลชนยังคงจับตาดูสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ว่าสุดท้ายแล้ว ทุกฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหาและก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างไร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลัง "แก๊ป" คู่กรณี "แสตมป์" ยกเลิกแถลงข่าว เจ้าตัวกลับไปโผล่หน้าทางรายการโหนกระแส แถมมีประเด็นใหม่ที่ทำเอาทุกคนต้องตกใจแบบตาแตกไปเลยทีเดียว.

ด้าน "จ๋าย ไททศมิตร" โพสต์ในโซเชียลส่วนตัวว่า “คุณทำลายโมเม้นที่ดีที่สุดของพี่ชายผม เขาสมควรมีความสุขที่สุดในชีวิต คุณทำลายชื่อเสียงของวงดนตรีวงนึงที่เป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของน้องชายผม พ่อแม่มันก็ไม่เหลือแล้ว วงเป็นสิ่งเดียวที่มันเหลืออยู่ และผมแม่งโครตเจ็บปวด ผมพยายามตลกละนะ แต่เจ็บปวดวะ"
โพสต์ของ จ๋าย ไททศมิตร หรือ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ถือเป็นข้อความที่สะท้อนอารมณ์ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำเอาชาวเน็ตโยงว่ามีนัยที่เชื่อมโยงถึงประเด็นดราม่าระหว่าง นักร้องดัง และวงมีชื่อเสียง หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนในวงการบันเทิงตอนนี้ แม้จะไม่ได้ระบุชื่อชัดเจน แต่เนื้อหาชัดเจนว่ากำลังกล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ส่งผลต่อคนใกล้ชิดของเขา
ท่าทีของจ๋ายต่อสถานการณ์
การใช้คำว่า “เจ็บปวด” ซ้ำๆ แสดงถึงความสะเทือนใจและการไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
เขายอมรับว่าเคยพยายาม "ทำตัวตลก" หรือมองข้ามความเจ็บปวดเพื่อบรรเทาอารมณ์ แต่ท้ายที่สุดไม่สามารถปกปิดความเจ็บปวดได้
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับ "น้องชาย" ซึ่งวงดนตรีของเขาถูกกระทบหนัก วงอาจเป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในชีวิตของน้องชายคนนั้น ทำให้โพสต์เต็มไปด้วยอารมณ์สะเทือนใจ
จ๋ายแสดงความเสียใจที่เห็น "พี่ชาย" ซึ่งอาจหมายถึงเพื่อนร่วมวงการหรือบุคคลใกล้ชิดของเขา ถูกพรากความสุขไปในช่วงเวลาที่สมควรจะดีที่สุด

แม้จ๋ายจะไม่ได้ระบุชื่อ นักร้องสุดฉาว แบบตรงๆ แต่ข้อความในโพสต์ชัดเจนว่ากำลังพูดถึงผลกระทบจากดราม่าที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน การที่ นักร้องต้นตอดราม่ากล่าวหาผ่านเวทีคอนเสิร์ต ทำให้เกิดกระแสโจมตีต่อบุคคลในวงดนตรีชื่อดังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความมั่นคงของวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โพสต์นี้ไม่เพียงสะท้อนความเจ็บปวดของจ๋ายที่มีต่อบุคคลใกล้ชิด แต่ยังตอกย้ำถึงผลกระทบวงกว้างที่เกิดจากการสื่อสารและจัดการวิกฤตในที่สาธารณะอย่างไม่รอบคอบ ซึ่งกลายเป็นชนวนสำคัญให้เรื่องราวบานปลายไปมากกว่าเดิม.
