"ศุภมาส" เดินหน้า 12 แผนงาน อว. ปี 68 สานต่อนโยบายเดิมให้ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 68 ที่ห้องประชุมศาสตราจารย์วิจิตร ศรีสอ้าน ชั้น 5 อาคารอุดมศึกษา 1 สำนักงานปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วย รมว.กระทรวง อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัด อว. และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด อว. ให้การต้อนรับ นายกมล รอดคล้าย ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา และคณะกรรมาธิการการศึกษาฯ วุฒิสภา ในโอกาสเข้าเยี่ยมเพื่อประชุมหารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการส่งเสริมและกำกับดูแลสถาบันอุดมศึกษา
น.ส.ศุภมาส ได้กล่าวถึงนโยบาย และผลงานสำคัญของ อว. ในรอบปีที่ผ่านมาภายใต้นโยบาย "เรียนดี มีความสุข มีรายได้"และ"วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ" ว่า การกำหนดนโยบายดังกล่าวเพื่อนำไปสู่เป้าหมายสำคัญในการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 เป้าหมาย หรือที่เราเรียกกันว่า "2 ลด 2 เพิ่ม" คือ ลดภาระ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มทักษะ และเพิ่มโอกาส โดยมีผลงานสำคัญ อาทิ Free TCAS โดย TCAS 67 รอบ 3 ให้สมัครฟรี 10 อันดับ TCAS 68 รอบ 3 ฟรี 7 อันดับและ Free TGAT 68 ไม่มีค่าใช้จ่าย และมีแผนที่จะขยายไปยังการสอบอื่น ๆ เช่น TPAT ด้วย, ระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติ (National Credit Bank) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต, การจัดทำ Skill Mapping ให้มหาวิทยาลัยและคนไทยได้ทราบว่าตลาดแรงงานต้องการทักษะแบบไหน การจัดทำ Skill Transcript รับรองทักษะผู้เรียนอย่างชัดเจน ช่วยนายจ้างให้เข้าใจความสามารถและทักษะของบัณฑิต, COOP+ หรือสหกิจศึกษาพลัส ที่ให้นักศึกษาได้เรียนควบคู่การฝึกงานจริง , หลักสูตร Sandbox เพื่อปั้น "New Growth Engine" ให้ประเทศ เช่น หลักสูตรวิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ วิทยาการขั้นสูงทางชีวการแพทย์ ไปจนถึงวิศวกรรมระบบราง ขณะเดียวกัน ยังดำเนินการโครงการสำคัญ คือ "อว. for EV" ผลักดันไทยให้เป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก "อว. for AI ปั้นบุคลากรและนวัตกรรมด้าน AI เพื่อให้ประเทศไทยก้าวเป็นผู้นำด้าน AI ในภูมิภาคเอเชียน และ "อว. for Ignite THAILAND" เพื่อสร้างกำลังคนสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตั้งเป้าหมายการผลิตบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์ 80,000 คน EV 150,000 คน และ AI 50,000 คน ได้ใน 5 ปีข้างหน้าให้ได้ เป็นต้น
รมว.อว. ยังกล่าวถึงแผนงานที่ อว. จะดำเนินการในปี 2568 ว่า อว. จะสานต่อนโยบายเดิมให้ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยมี 12 เรื่องที่จะทำทั้งในด้านการอุดมศึกษา และด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน. ) ได้แก่ 1. การปฏิรูปอุดมศึกษาด้วยเทคโนโลยี AI ผลักดันให้สถาบันอุดมศึกษาก้าวสู่การเป็น AI University รองรับยุค Education 6.0 ด้วยการนำ AI และ Metaverse มาช่วยในการเรียนการสอนแบบ Immersive Education 2. การเพิ่มโอกาสในการเข้าทำงานของบัณฑิตจบใหม่ จัดให้มีการรวมผู้ประกอบการมาพบกับบัณฑิตในงาน Job Fair ภายในต้นปีหน้า 3. การเพิ่มประสิทธิภาพของกำลังคนตามความต้องการของอุตสาหกรรม ให้มหาวิทยาลัยร่วมกับภาคอุตสาหกรรม พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพตอบสนองความต้องการของตลาดเเรงงาน 4.การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการพิจารณาการขอตำแหน่งทางวิชาการ จัดให้มีระบบการตรวจสอบสถานะผ่านออนไลน์ และปรับปรุงกระบวนการพิจารณาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 5. สนับสนุนให้มีโรงเรียนสาธิตอินเตอร์ในสาธิตที่มีความพร้อม 6. กองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา ผลักดันกฎหมายจัดตั้งกองทุนเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม 7. ผลักดันไทยให้เป็น Education Hub หรือศูนย์กลางด้านอุดมศึกษา โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ 8. ใช้ ววน. เพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ สนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ และผลักดันวาระสำคัญเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนขึ้นของประเทศ 9. การนำ ววน. ไปแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ โดยนำ ววน. ไปช่วยตอบโจทย์สำคัญของประเทศ อาทิ น้ำแล้ง ภัยพิบัติ PM2.5 ความมั่นคงด้านพลังงาน เป็นต้น 10. การนำ Science Park หรืออุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคไปสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและผู้ประกอบการ SMEs และ Startup ในท้องถิ่น 11. สนับสนุนเทคโนโลยีขั้นแนวหน้าของประเทศ (Frontier Techmolog) 12. การปฏิรูประบบ ววน. อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการงบประมาณจากกองทุน ววน. การปรับระบบหน่วยบริหารจัดการทุน (PMU) การเพิ่มประสิทธิภาพระบบติดตามและประเมินผล การจัดทำแผนด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ด้าน นายกมล กล่าวให้ความเห็นว่า อยากให้ อว. ผลิต Super Teacher ครูวิชาชีพที่มีความเก่งและเชี่ยวชาญสูง ซึ่งเป็นครูชั้นนำ ไม่ใช่ครูพื้นฐาน ขณะเดียวกัน อยากให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น โดยทำงานร่วมกับท้องถิ่นให้มากขึ้น รวมถึงมีระบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพสูง ประกอบกับการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญ อยากเห็นมหาวิทยาลัยของไทยยกระดับ Ranking ให้สูงขึ้นในระดับ Top 10 มุ่งไปสู่ประเทศที่มีมหาวิทยาลัยที่เป็นระดับต้น ๆ ของโลกต่อไป