พรรคร่วมฝ่ายค้านขอ 5 วันซักฟอกรัฐบาล "แพทองธาร" คาดยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 27 ก.พ. ตีแผ่ความจริงให้ประชาชนรับรู้
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 68 ที่พรรคไทยสร้างไทย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงภายหลังการหารือร่วมกับแกนนำพรรคฝ่ายค้านกว่าชั่วโมงเศษ ว่า ที่ประชุมได้กรอบระยะเวลาการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อสภาเรียบร้อยแล้ว วันที่เหมาะสมคือ 27 ก.พ. โดยจะมีการให้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน ไปเจรจากับฝั่งรัฐบาล เบื้องต้นจะขอกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 วัน คาดหวังว่าฝั่งรัฐบาลเองไม่น่าปิดกั้นการตรวจสอบถ่วงดุลจากพรรคฝ่ายค้าน ช่วงเวลาครึ่งเทอมของการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เท่านั้น แต่เป็นการบริหารแผ่นดินที่ต่อเนื่องของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เมื่อสักครู่ มีหลายประเด็นหารือร่วมกัน และพบว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินขาดประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยปัญหาสังคมในหลายๆ เรื่อง มีประเด็นที่ส่อเค้าว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย ที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลต้องถูกตรวจสอบชี้แจงได้ในระบบรัฐสภา แต่รายละเอียดการอภิปรายจะยังเปิดเผยมากไม่ได้ ทั้งนี้ที่ประชุมไม่ได้พุ่งเป้าคนใดคนหนึ่ง แต่ยึดตามข้อเท็จจริงหากมีข้อมูล ใบเสร็จที่พุ่งเป้าไปถึงรัฐมนตรีใดก็ตาม ที่ทุจริต หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน เราสามารถอภิปรายได้ เป้าหมายสูงสุดของการอภิปราย ต้องการตีแผ่ความจริงให้ประชาชนเห็น ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ขาดความชอบธรรมอย่างไร รวมถึงขาดความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล สะท้อน และส่งผลทำให้การแก้ปัญหาประชาชนไม่ได้รับการแก้ไข เรื่องการปรับ ครม.เป็นเรื่องของฝั่งรัฐบาล เชื่อมั่นข้อมูลอภิปรายครั้งนี้ อาจจะส่งผลสะเทือนทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรมได้ ข้อมูลซักฟอกตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยล่วงหน้าได้เพื่อป้องกันการปรับ ครม.ล่วงหน้า ไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล ส่วนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือยื่นทั้งคณะ ต้องข้อดูเนื้อหารายละเอียดจากแต่ละพรรคก่อน ยอมรับว่าจำนวนเสียง สส.ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ แต่เวทีนี้จะตีแผ่ความจริงให้ประชาชนรับทราบมากกว่า ส่วนการโหวตลงคะแนนก็เป็นในส่วนแต่ละพรรค
นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงกรณีนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ว่า เป็นเรื่องตัวบุคคล แต่ถ้าถามความเห็นของตน โดยส่วนตัว ถ้าเรื่องเข้าสู่สภาก็คาดหวัง ว่าไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ สส.คุ้มครองในการกระทำที่ไม่ถูกต้อง พรรค ปชน. ไม่ต้องการให้เอกสิทธิ์ถูกนำมาใช้ในกรณีที่ฝ่ายบริหารจงใจจะกลั่นแกล้ง ซึ่งเป็นความตั้งใจแรกเริ่มเดิมที แต่ครั้งนี้เป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการข่มขืน เราก็ไม่ควรปกป้อง แต่ผลโหวตของสภาขึ้นอยู่กับจุดยืนแต่ละพรรค แต่ยืนยันว่า พรรคประชาชน ไม่เห็นด้วยที่จะใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองเรื่องนี้ และย้ำว่า สถานะของนายไชยามพวาน ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาชนอีกต่อไป ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพรรค ก็เป็นสิทธิที่เจ้าตัวจะชี้แจงเอง ส่วนข้อคิดเห็นพรรคประชาชนเป็นอย่างไร ตนคิดว่าเดี๋ยวรอในเรื่องที่ทางตำรวจจะยื่นต่อประธานสภา ต้องมีการอภิปรายในสภาอยู่แล้ว รอติดตามจากตรงนั้นดีกว่า