"สมศักดิ์" ปล่อยขบวนรถขนยาเสพติดของกลางไปทำลาย 27 ตัน มูลค่า 1 หมื่นล้าน สร้างความมั่นใจ ยาเสพติดถูกยึดไม่ถูกนำกลับไปหมุนเวียนในสังคมอีก
เมื่อวันที่ 10 ก.พ.68 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนรถขนย้ายและเผาทำลายยาเสพติดของกลาง ครั้งที่ 59 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้บริหาร ป.ป.ส. ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (ONE STOP SERVICE CENTER) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญ ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลจึงมีนโยบายเร่งด่วน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างเด็ดขาด และครบวงจร ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้า การปราบปรามและยึดทรัพย์ผู้ค้า การกวาดล้างเครือข่ายค้ายาเสพติด ให้ความสำคัญกับแนวคิด เปลี่ยน "ผู้เสพเป็นผู้ป่วย" เพื่อคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคม และสร้างความปลอดภัยในสังคม การขนย้ายยาเสพติดของกลางไปเผาทำลาย น้ำหนักรวมหีบห่อกว่า 36,500 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท ครั้งที่ 59 ในวันนี้ เป็นกลไกหนึ่งในการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนว่า ยาเสพติดที่ถูกยึดมา จะไม่ถูกนำกลับไปหมุนเวียนในสังคมอีก ผมขอขอบคุณ คณะทำงานทำลายยาเสพติดของกลาง และผู้แทนหน่วยงานจากทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันทำภารกิจที่สำคัญ ด้วยกระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ และขอให้พวกเราช่วยกันดำเนินการ เพื่อขจัดยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคม อย่างยั่งยืนต่อไป
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ อย.ได้ดำเนินการทำลายยาเสพติดของกลาง ประมาณ 27 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นยาบ้า และไอซ์ โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่วนที่ อย.ต้องดำเนินการเผา เนื่องจากตามกฎหมายได้กำหนดไว้ ซึ่งจะเผาเมื่อมียาเสพติดมากกว่า 20 ตันขึ้นไป ขณะที่การบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ก็ขอยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยให้กรมสุขภาพจิต เป็นผู้รับไปดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกล่าวเปิดงาน นายสมศักดิ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ปล่อยขบวนรถขนยาเสพติด จำนวน 5 คัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คุ้มกันอย่างแน่นหนา