ศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิ "สุวรรณา" ส.ส.บึงกาฬ 10 ปี สั่งชดใช้กว่า 9.8 ล้าน หลัง กกต.ให้ "ใบแดง"
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 68 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ศาลฎีกาพิพากษาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.บึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่ ตามที่ กกต.ได้มีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ) หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ของนายสุวรรณา กุมภิโร ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 จากพรรคภูมิใจไทย และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 138 และสั่งให้นายสุวรรณา รับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้ศาลฎีกามีคำสั่งเช่นว่านั้น ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 139 โดยกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ให้ทรัพย์สินแก่วัด และจัดงานรื่นเริง
ล่าสุด ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ลต สส 6/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สส 1/2568 ลงวันที่ 18 ก.พ. 68 พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุวรรณา กุมภิโร ผู้คัดค้านเป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา และให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.บึงกาฬเขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่ แทนผู้คัดค้าน และให้ผู้คัดค้านชำระค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.บึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 ครั้งที่เป็นเหตุให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นเงิน 9,852,954.13 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันยื่นคำร้อง (ยื่นคำร้องวันที่ 27 ส.ค. 2567) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้หากกระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใดก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปีแต่ต้องไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอ
ขณะนี้ สำนักงาน กกต. ได้มีหนังสือเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งส.ส.บึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 ในพื้นที่ จ.บึงกาฬ เขต 2 นายสุวรรณา กุมภิโร ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งไปด้วยคะแนน 26,541 คะแนน โดยมีนายไตรรงค์ ติธรรม จากพรรคเพื่อไทย ตามมาเป็นลำดับ 2 ที่ 18,713 คะแนน ส่วนนายสำรวย ศรีทิน จากพรรคก้าวไกล (ขณะนั้น) ได้ไป 16,568 คะแนน
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามมาตรา 105 บัญญัติว่า เมื่อตำแหน่ง สส.ส.ส.ว่างลงเพราะเหตุอื่นใด นอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาผู้แทนราษฎร หรือเมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่เป็นตำแหน่ง ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างเว้นแต่อายุของสภาผู้แทนราษฎรจะเหลืออยู่ไม่ถึง 180 วัน และให้นำความในมาตรา 102 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 102 เมื่ออายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง พระมหากษัตริย์จะได้ทรงตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วันนับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ