"หลงลืม-สับสนบ่อย" สัญญาณโรคสมองเสื่อม

2025-03-05 10:22:11

"หลงลืม-สับสนบ่อย" สัญญาณโรคสมองเสื่อม

Advertisement

"หลงลืม-สับสนบ่อย" สัญญาณโรคสมองเสื่อม

ภาวะหลงลืม หลายคนอาจมองว่าเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่มีอาการ หลงลืม บ่อย สับสน อาจเกิดจากการทำงานของสมองซึ่งมีความผิดปกติที่เรียกว่า โรคสมองเสื่อม จึงทำให้มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันรวมไปถึงพฤติกรรมและอารมณ์ต่าง ๆ ที่แสดงออกมา ภาวะสมองเสื่อมเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของเซลล์สมอง ส่งผลให้สูญเสียความสามารถในการจดจำ การรับรู้ การเข้าใจ หลงลืม จนไม่สามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ และอาจมีอาการรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงตามช่วงเวลา

สาเหตุของการเกิดโรคสมองเสื่อม

-สมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ ทำให้ความสามารถด้านการรู้คิดเริ่มเสื่อมลงซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการเริ่มแรกคือ การสูญเสียความทรงจำโดยเฉพาะความจำระยะสั้น หรือเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น หลังจากนั้นจะเกิดอาการด้านต่าง ๆ ทั้งการตัดสินใจ การสื่อสาร รวมไปถึงปัญหาด้านพฤติกรรม

-สมองเสื่อมจากเส้นเลือดในสมองผิดปกติ มักเกิดกับผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง นับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน ส่งผลให้สมองส่วนความคิด ความจำ สูญเสียได้

-สมองอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

-ขาดวิตามิน วิตามินบี 12 และโฟเลต

ปัจจัยเสี่ยงอาจทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม

-อายุที่เพิ่มมากขึ้น

-พันธุกรรม เช่น มีพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม

-ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน

-ได้รับยาที่มีผลต่อจิตประสาทต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เช่น ยานอนหลับ

-ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ

-สูบบุหรี่เป็นประจำ

-ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง

-มลภาวะทางอากาศ

-มีกิจกรรมทางกายลดลง

-หูตึง การได้ยินลดลง

-ภาวะซึมเศร้า เครียด วิตกกังวล

-การแยกตัว ไม่ค่อยมีกิจกรรมทางสังคมร่วมกับผู้อื่น

อาการของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม

ภาวะสมองเสื่อมสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 4 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 เป็นระยะที่จะมีอาการน้อยซึ่งผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติทางด้านอารมณ์หรือความสนใจรอบข้างลดลง ผู้ป่วยในระยะนี้จะสามารถอยู่คนเดียวและพึ่งพาตัวเองได้ดีโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง

ระยะที่ 2 ระยะกลางที่ผู้ป่วยจะเริ่มมีความบกพร่องด้านความเข้าใจ ความสามารถในการเรียนรู้ รวมไปถึงการตัดสินใจ และผู้ป่วยอาจมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วย เช่น ประสาทหลอน

ระยะที่ 3 ระยะที่มีความรุนแรงผู้ป่วยจะไม่สามารถจดจำเรื่องราวหรือสิ่งที่เกิดขึ้นได้และไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองได้ เคลื่อนไหวช้า กลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ได้ มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต

ระยะที่ 4 ระยะติดเตียงผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองทั้งด้านการเคลื่อนไหวและรวมไปถึงการลืมกลืนอาหาร

ผศ.นพ.ศรัณย์ ธนพฤฒิวงศ์

สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ภาควิชาอายุรศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล