นอกจากตัวเอกของ The Bayou จะเป็นหุ่นกลไกจระเข้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 3 พันปอนด์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่นับว่ามีความสำคัญต่อตัวหนังไม่แพ้กันนั่นก็คือ CGI ที่ได้รับการสร้างสรรค์จากบริษัทที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทำเทคนิคพิเศษด้านภาพอย่างบริษัท VFX ที่เคยมีผลงานผ่านตาคนดูมาแล้วจาก 47 Meters Down ทั้ง 2 ภาค เข้ามาช่วยในด้านการปรับขนาดของภาพ, การควบคุมส่วนหัวและส่วนหางกลไกของหุ่นจระเข้ให้เคลื่อนไหวได้เสมือนจริง และให้มีความสอดคล้องกับการทำงานของนักแสดงเช่นการกัดหรือกระชากร่างของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของมันให้ขาดออกจากกันภายในเสี้ยววินาที “พวกเราโชคดีมากที่มี ฟิลลิปส์ โปบอฟ ผู้เชี่ยวชาญของ VFX มาช่วยดูแลในเรื่อง CGI ให้ เขาอยู่ในกองถ่ายกับเราแทบทุกวัน ยิ่งเมื่อรวมประสบการณ์ของเขาเข้ากับอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ จึงทำให้เราได้ภาพออกมาตามที่เราต้องการทั้งดูมืดหม่น, สยอดสยอง และความกลัวที่รู้ว่าตัวเองกำลังจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวังของบรรดาตัวละครในเรื่องเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสุรกายดึกดำบรรพ์” เจมส์ แฮร์ริส ผู้อำนวยการสร้างของเรื่องกล่าว
The Bayou เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิทที่ชวนกันไปท่องเที่ยวในแถบตอนใต้ของอเมริกา แต่มันกลับไม่ได้เป็นวันหยุดแสนวิเศษแบบที่พวกเขาคิด เมื่อเครื่องบินเช่าเหมาลำของพวกเขาได้ตกลงสู่หนองน้ำแถวหลุยเซียนา และทำให้พวกเขาได้พบ “บางสิ่ง” ที่อาศัยอยู่ในลำธารแห่งนี้มาหลายศตวรรษที่ทั้งมีขนาดที่ใหญ่กว่า ว่องไวกว่า ปราดเปรียวกว่า และพร้อมที่จะจดการกับเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าของมันด้วยความหิวโหย
เตรียมนับถอยหลังสู่ความระทึกใจของ “The Bayou – มฤตยูงาบ” โดย Movie Copyright (Thailand) ตั้งแต่ 13 มีนาคมนี้เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
