Thailand Web Stat

นายกฯ แจงปมชั้น 14 ไม่มีอำนาจสั่ง ขรก. ยัน "ทักษิณ" ป่วยจริง

2 วันที่แล้ว

นายกฯ แจงปมชั้น 14 ไม่มีอำนาจสั่ง ขรก.  ยัน "ทักษิณ" ป่วยจริง

Advertisement

นายกฯ แจงปมชั้น 14 ไม่มีอำนาจสั่งข้าราชการ  ยัน "ทักษิณ" ป่วยจริง ขอให้รอผลตรวจสอบจากแพทยสภา ชี้ 20 ปีพ่อเจอสารพัดความอยุติธรรมเล่นงาน

เมื่อเวลา 15.40 น.  วันที่ 25 มี.ค.68 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล(น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) ต่อเนื่องเป็นวันที่2 โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับเข้ามายังสภาฯอีกครั้งพร้อมชี้แจงประเด็นต่างๆที่ถูกพาดพิงเป็นครั้งแรกของวันนี้(25มี.ค.)ว่า ในเรื่องการครอบครองที่ดินเทมส์ วัลลีย์ (THAMES VALLEY)เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา บริษัทครอบครัวของตนทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายกิจการโรงแรมทุกประการ ส่วนกรณีการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลดำเนินการไปมากพอสมควรแล้ว เราทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ มีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จีน เมียนมา และกัมพูชา ในเรื่องของการจับกุม ปราบปราม การตัดไฟ โดยเฉพาะทางจีน นายสีจิ้น ผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ชื่นชมไทยที่จัดการเรื่องการตัดไฟ ตัดสัญญาณได้อย่างเด็ดขาด ดำเนินการได้รวดเร็ว วันนี้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาจากความร่วมมือจากทุกประเทศที่เราขอความร่วมมือ ขณะที่มาตรการซีลชายแดน ต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย หากเราทำเฉพาะของเรา อาจเกิดความขัดแย้งภายในได้ ดังนั้นเราทำงานกันเป็นทีม จนได้ผลอย่างดี หวังว่าฝ่ายค้าน จะเข้าใจการทำงานแบบทีมเวิร์ค และให้เกียรติซึ่งกันและกัน

นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC สายด่วน 1441 เพื่อเป็นศูนย์กลางรับแจ้งเหตุจากประชาชนตลอด24ชั่วโมง ได้ระงับบัญชีม้าไปแล้ว 1.92 ล้านบัญชี มีระบบติดตามบัญชีที่มีธุรกรรมทางการเงินผิดปกติ เพิ่มมาตรการธนาคาร ยกระดับการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ให้ตรวจสอบประวัติมากขึ้นเพื่อป้องกันการเปิดบัญชีม้าได้ยากมากขึ้น มีการกวาดล้างซิมม้าแล้ว 2.4 ล้านเลขหมาย และระงับต้องสงสัยที่มีการใช้งานผิดปกติ 2.8 ล้านเลขหมาย ตรวจสอบผู้ใช้ Mobile banking ที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่1ม.ค.68 จำนวน 3.176 ล้านเลขหมาย หากไม่มายืนยันตัวตน จะไม่สามาถใช้งาน Mobile banking ได้  ตั้งแต่มีมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต สถิติการแจ้งความคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทยลดลงไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์อย่างเดียว ลดลงถึง 67 เปอร์เซ็นต์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนลดลงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จากวันละ 100 ล้านบาท เหลือ 50 ล้านบาท แต่ตัวเลขยังไม่เป็นที่น่าพอใจ รัฐบาลจะทำให้เข้มข้นมายิ่งขึ้น“ น.ส.แพทองธาร กล่าว

นายกฯ ชี้แจงถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล แต่เรือธงลำนี้กำลังเผชิญมรสุมการคัดค้านจากหลายองค์กร แต่รัฐบาลรับฟังทุกความเห็น พยายามประคับประคองอย่างดีให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมาย เพราะฉะนั้นใน2รอบแรกเราต้องแจกเป็นเงินสด แม้จะถูกมองว่าไม่ตรงปก แต่ยืนยันว่าตรงเป้าแน่นอน ส่วนรอบที่3ที่กำลังจะมาถึง จะเป็นดิจิทัลวอลเล็ตเต็มรูปแบบ ขณะนี้กำลังทดลองพัฒนาระบบ เริ่มต้นจากเยาวชนอายุ16-20ปี ที่มีพลังในการบริโภค มีความตื่นตัวทางเทคโนโลยี เรียนรู้รวดเร็ว จะเป็นกำลังสำคัญให้ครอบครัว ทั้งนี้ เป้าหมายระยะยาวคือยกระดับสังคมไทยเป็นสังคมดิจิทัล ตนมั่นใจว่าภายใน1วาระของรัฐบาลนี้ จะเกิดผลเป็นรูปธรรม ปกก็ตรง เป้าก็โดน

นายกฯ ยังชี้แจงถึงกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจว่า ฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้กับตนมีความเห็นต่างกัน ท่านก็เคยไปมีความเคลื่อนไหวกับแนวร่วมพันธมิตรที่ จ.ภูเก็ต แต่ตนเชื่อมั่นว่าคงไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้น มาอภิปรายตนในวันนี้ ตนอยากชี้แจงในฐานะของลูกสาว ตั้งแต่พ่อของตนเดินทางกลับมาประเทศไทย จนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลชั้น  14 ตนยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่อยากให้ท่านอภิปรายให้เกิดความสับสนเหมือนกับว่าตนเป็นนายกฯแล้ว และมีอำนาจสั่งข้าราชการ หรือใครๆ ตอนนั้นตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และไม่มีอำนาจใดๆเลย ในเรื่องความถูกต้อง และกฎระเบียบ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม ทุกคนที่มีหน้าที่รักษากฎระเบียบเขาก็ต้องดำเนินการแบบนั้นต่อ การจะอภิปรายอะไรแบบนี้ ต้องเห็นค่าของผู้ที่รักษากฎหมาย คนที่เป็นข้าราชการ การพูดแบบนี้เหมือนเป็นการด้อยค่า

”ดิฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าลูกคนไหนก็ตามที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิด สถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในรอบ 20 ปีของประเทศเรา ทุกคนทราบดีถึงความยากลำบากที่เราและประชาชนประสบมา ในเรื่องความอยุติธรรม ถ้าจะหาใครสักคนที่เผชิญเรื่องความไม่ยุติธรรม ดิฉันมั่นใจว่า ดร.ทักษิณ คือหนึ่งคนท็อปๆเลย ที่ได้รับความไม่ยุติธรรม ท่านได้ถูกยึดอำนาจทางการเมือง แล้วยังถูกยึดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ ดิฉันตอนนั้นอยู่มหาวิทยาลัยก็ทราบว่าคุณพ่อถูกลอบสังหาร แต่สมัยนั้นเครื่องมือสื่อสารไม่ดีเหมือนสมัยนี้ พอเราได้ยินมา เด็กอายุ 18-19 คนหนึ่งที่ทราบว่ามีคนตั้งใจจะสังหาร ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดี ในวันนั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไร ต้องรอสักพักถึงทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องลุ้นแบบนี้ไม่ใช่ครั้งเดียว ก็หลายครั้ง เป็นสิ่งที่เกิดความเจ็บปวดในครอบครัว นอกจากนี้ยังต้องถูกพลัดพรากไปไกลกัน อยู่คนละประเทศเสมอ ดิฉันพยายามเดินทางไปหาคุณพ่อบ่อยๆ จนกระทั่งช่วงโควิด ดิฉันท้องลูกคนแรก 6 เดือน เดินทางยากลำบาก ไปอยู่กับท่าน1เดือน กลับมาก็ 7 เดือน ตอนนั่งเครื่องบินก็เสียน้ำตา ไม่รู้ว่าโควิดจะหยุดเมื่อไหร่ เราเดินทางท้องโตจะติดหรือไม่ ช่วงนั้นวัคซีนก็ไม่มี“ น.ส.แพทองธาร กล่าว

นายกฯ กล่าวด้วยว่า แน่นอนว่าความไม่ยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมันทำให้ครอบครัวที่เราสนิทกันอยู่แล้วก็รักกันมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ทำให้ตนเติบโตขึ้นมาอย่างมีสติ ทราบว่าอะไรควรไม่ควร ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่ตนได้ฝึกฝนตัวเองมา ในความลำบากก็มีข้อดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ส่วนที่มีสมาชิกกล่าวหาว่าคุณพ่อตนกลับมาเพราะมีดีลกับปีศาจผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าไม่ใช่ความจริงเลย เป็นการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบว่าจะกลับมา ตนก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาต้องติดคุก หรือถูกจำกัดที่ทาง จึงบอกคุณพ่อไปว่าไม่เป็นไร อยู่เมืองนอกก็เจอกันได้ แต่ท่านอยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่ประเทศไทย ท่านมีความรักและห่วงประชาชนมาก คิดอะไรก็จะคิดแต่เรื่องเศรษฐกิจ คิดให้ประชาชนรวย ตนฟังท่านแล้วก็รู้สึกว่ามีแรงบันดาลใจในการทำงาน เพราะรู้สึกว่าคนเราเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ แต่ยังคิดเรื่องดีๆกับคนอื่นได้ ต้องใบ้พลังบวกในใจอย่างมาก ตนก็ได้อะไรตรงนี้มา

”ถ้าวันนั้นทางเพื่อไทย และก้าวไกลจับมือกันสำเร็จแล้วตั้งรัฐบาลได้ ท่านเป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนพวกเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยังไงดร.ทักษิณก็กลับมาอยู่ดี แม้ว่ารัฐบาลนั้นจะจัดตั้งโดยใคร คือเรื่องจริงที่คุณพ่อตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาให้ได้ ส่วนกระบวนการของพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความทุกคน ที่มีขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ดิฉันขอไม่ก้าวล่วง ถ้าจะบอกว่าท่านป่วย ป่วยจริง ป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าคุณพ่อมีอาการป่วยต้องรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ เป็นสิ่งที่ชัดเจน ถ้าดิฉันจะบอกท่านคุณพ่อผู้อายุ 70 กว่าป่วย ท่านจะเชื่อดิฉันหรือไม่ ก็ไม่เชื่อ แต่ยืนยันว่าป่วยจริงๆ ต้องได้รับการผ่าตัด ช่วงโควิดเป็นโควิดหนักมาก น้ำหนักลดไป10กว่ากิโล ผมร่วง มีจุดที่ปอด ท่านเชื่อหรือไม่ ก็ไม่เชื่อ ถ้าจะบอกว่าคนอายุ70กว่าต้องผ่าตัด แล้วการผ่าตัดมันไม่ได้ง่ายเหมือนคนอายุน้อย ท่านเชื่อหรือไม่ ก็ไม่เชื่อ ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะต้องอธิบายแบบไหน ขณะนี้มีการยื่นเรื่องตรวจสอบต่อแพทยสภา เชื่อว่าผลสรุปจะออกมาในอีกไม่นานนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายจะยอมรับ เพราะถามจากดิฉัน ดิฉันตอบ ท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี ไม่ทราบวาต้องทำอย่างไร“ นายกฯ กล่าว

น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า เมื่อมีกระบวนตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ในฐานะลูกสาว ตนห่วงใยแน่นอน ตนเป็นลูกสาวที่รักคุณพ่อ หรือที่ในต่างประเทศเรียกว่า Daddy Girl แต่ในฐานะนายกฯ ตนไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงหน่วยงานใดเลย อย่าดูถูกข้าราชการไทย อย่าดูถูกระบบกระบวนการของราชการไทย ยุคสมัยนี้ทุกอย่างตรวจสอบได้ ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ตนลาออก ถือเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนสามารถทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้คือขอให้ตนลาออกจากความเป็นลูกสาว หรือความเป็นแม่ ตนลาออกไม่ได้ ตนพร้อมทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะสวมหมวกนายกฯไทย ตนทำหน้าที่นี้เต็มที่สุดความสามาระแน่นอน แต่ในฐานะลูกสาวของนายทักษิณ ตนพูดคำนี้ด้วยความภูมิใจตั้งแต่ตนสามารถพูดได้ ขอให้ดูและพิสูจน์ที่ความสามารถตน และความตั้งใจในการทำหน้าที่นายกฯของตน หากจะมีการวิพากษ์วิจารณ์หรืออภิปรายใดๆ ก็ขอให้วิจารณ์การทำงาน น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อสภาฯ และประเทศ

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นใช้สิทธิ์ถูกพาดพิงกรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นแนวร่วมพันธมิตรที่ จ.ภูเก็ตว่า ตนเข้าใจนายกฯที่มีประสบการณ์ชีวิตหลายอย่างที่เจ็บปวด ตนให้กำลังใจท่านในช่วงที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ส่วนเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์วันนี้พวกเรารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องการเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร ตนยืนยันว่าชั่วชีวิตนี้ตนไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตร ทั้งที่กทม. หรือภูเก็ต ตนอายุ14ปี ตอนที่พ่อท่านถูกรัฐประหาร ตนไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร ตนไม่ได้เห็นด้วยกับอุดมการณ์ความคิดของกลุ่มพันธมิตร หากจะมีความคิดใดใกล้เคียงที่สุด ก็คือการไปเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งคนจำนวนมากที่เรียกร้องประชาธิปไตยเขานิยามตัวเองว่าเสื้อแดง แต่ตนไม่เคยนิยามตัวเองว่าเป็นคนเสื้อแดง ตนมีความตะขิดตะขวงเพราะตนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อท่านทำหลายเรื่อง ตนคือตัวตน หลังการรัฐประหารครั้งที่2 ที่ยึดอำนาจไปจากอาของท่าน ตนคือคนแรกๆที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ตนยืนยันอีกครั้งว่าไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรแน่นอน ไม่เคยไปยึดสนามบิน ส่วนเรื่องพรรคก้าวไกล ตนยืนยันว่าหากพรรคก้าวไกลในขณะนั้น ได้เป็นรัฐบาล อดีตนายกฯ จะไม่มีทางได้รับสิทธิพิเศษใดๆอย่างแน่นอน