อยู่ๆ ก็ติดโผสาวรักร้างห่างแฟนขึ้นมาอีกคนเสียอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าเชื้อร้าย "เราเลิกกัน" นี้ มันแพร่กระจายจนติดกันทั่วทั้งวงการแล้วหรือไร ปีนี้ถึงได้มีเรื่องช็อกๆ ระหว่างคู่รักดาราที่ว่ากันว่า "ยามรักน้ำต้มบอระเพ็ดยังว่าหวาน ..." ... รวมถึงรายล่าสุดก่อนสิ้นปี เมื่อสาวสุดเซ็กซี่ "บุ๋ม ปนัดดา" ประกาศเลิก "เอก เอกริน" สามีนักกล้ามอย่างเป็นทางการ ...
ยอมรับคอตกว่าได้เลิกรากันแล้ว! หลังแต่งงานใช้ชีวิตคู่กว่า 4 ปี เพราะช่วงหลังมีปัญหากันถี่ มีข่าวลือเตียงหักออกมาหลายครั้ง ซึ่งสาวบุ๋มเองก็ไม่ได้โพสต์ภาพสวีตกับสามีมาหลายเดือนแล้ว โดยแมงเมาท์เล่าว่าเรื่องนี้มีหลายอย่างประกอบกันต้องให้เจ้าตัวออกมาพูดเอง ส่วนตอนนี้คาดว่ายังไม่พร้อมกะเทาะเปลือกใจกับสื่อ ปล่อยให้คนเขาลือกันไปก่อน แล้วจะมาตบให้เข้าเรื่องกัันทีหลัง
โดยได้โพสต์ภาพล่าสุดอยู่ที่สนามบิน เผย
"ขอไปแสวงบุญที่อินเดีย 5 วันนะคะ ส่วนเรื่องครอบครัว ขอไม่พูดอะไรมากเพราะเราไม่ได้ทะเลาะกันและยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ"
ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ จุดที่เธอได้ลงเอยกับ "เอก เอกริน" พ่อหนุ่มเทรนเนอร์กล้ามโต เธอต้องผ่านอะไรมากมายจริงๆ สำหรับอดีตนางสาวไทยดีกรีด็อกเตอร์ “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” จนสุดท้ายชีวิตช่วงต่อจากนี้คงต้องเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็นแม่ม่ายผัวร้างอีกครั้ง ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยเล่าเรื่องราวชีวิตรักช้ำๆ ของเธอเอาไว้ว่า ...
"เคยมีนักข่าวคนนึงเข้ามาจีบแบบจริงจัง แบบจะให้เป็นเมียให้ได้ แต่จีบเราไม่ติด ก็ไปลงข่าวเราเสียหาย บอกว่าเราไปขายตัวบ้างอะไรบ้าง ตามรังควานไม่เลิกแม้กระทั่งถึงตอนแต่งงาน เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเขียนหนังสือชื่อว่า "ดอกปนัดดา" ออกมา ตอนนั้นคือการตอบโต้ เพราะผู้ใหญ่สมัยนั้นเค้าบอกทำไมเราไม่สร้างอาวุธให้ตัวเองล่ะ เลยมีหนังสือเล่มนี้ออกมา แต่สุดท้ายหลังจากเวลาผ่านไปเขาก็หยุดไปเอง"
"แล้วพออำลาตำแหน่งก็ได้เจอไฮโซคนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกไป เพราะจับได้ว่าอยู่กับผู้หญิงอื่น แล้วพอมาเริ่มเข้าวงการก็ได้มาคบกับพระเอกหนุ่ม ต. แต่เขาชอบคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงอื่นตลอด โดยอ้างว่าเป็นแฟนเก่า สุดท้ายก็ต้องจบเลิกรากันไป
อีกคนหนึ่ง คนนี้ค่อนข้างจะเฮิร์ตหนัก เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน พอคบกันได้ 6 เดือน ตอนนั้นบุ๋มก็กำลังดังและผู้ชายก็เป็นพระเอกกำลังดังเช่นกัน ตอนนั้นเขาก็คอยมาดักรอรับส่งเราตลอด กระทั่งมีโอกาสได้ไปออกงานอีเวนต์คู่กันงานหนึ่ง นักข่าวไปถามแม่ของฝ่ายชาย ว่ารู้สึกอย่างไร ได้รับคำตอบมาว่า “ผู้หญิงต่ำ ๆ อย่างนี้ไม่ให้คบ” ตอนนั้นเสียใจมาก ก็เลยตัดสินใจเลิก"
"แล้วพออายุประมาณ 28-29 ตอนนั้นเราต้องแต่งงานเพราะความเหมาะสมไม่ใช่ความรัก มีผู้ใหญ่มาแนะนำคนให้ พอข่าวออกไปก็เลยต้องแต่ง แต่สุดท้ายเมื่อเข้าไปอยู่ในบ้านของสามีก็ไม่เป็นที่ต้อนรับ เข้าไม่ได้กับวัฒนธรรมที่บ้านของเขา สิ่งที่ทำให้บุ๋มตัดสินใจอุ้มลูกเดินออกจากบ้านมา ก็คือปกติเราจะมีสามีอยู่ข้างๆ ใช่ไหม แต่กับคนนี้เค้ากลับพูดว่า คุณก็ทนๆ ไปก่อนแล้วกัน เท่านั้นแหละ บุ๋มตัดสินใจอุ้มลูกเดินออกมาเลย"
"แล้วหลังจากชีวิตคู่พัง กลับมาเริ่มทำงานและโดนสังคมประนามว่าทิ้งลูก เคยคิดฆ่าตัวตาย ณ วินาทีนั้นหันซ้ายหรือขวาก็โดนสังคมโจมตี เพราะเราไม่รู้จะทำยังไง ตอนที่คิดจะฆ่าตัวตาย คิดว่าจะหลับ กินยานอนยาว ตอนนั้นก็คิดถึงลูก ลุกขึ้นมามองหน้าเค้า แต่ก็ได้ท่าน ว.วชิรเมธี ช่วยดึงสติค่ะ"
อันดา ลูกสาวคนเดียว
หลังจากตั้งแต่นั้นมาปิดตัวเองมานาน จนมาคบกับติ๊งโน้ต เป็นข่าวคบกันจริงจัง แต่ก็มีกระแสความไม่เหมาะสมออกมา เพราะเราอายุห่างกัน 13 ปี คบกันจนกระทั่งเค้าขอแต่งงาน แต่เราก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ อยากให้เลื่อนออกไปก่อน แล้วมามีเหตุการณ์หนึ่ง บุ๋มไปเป็นพิธีกรที่ภูเก็ต ใส่ส้นสูง แล้วบันไดมันงอ พื้นมันเอียง เราเหยียบลงไปแล้วขาลื่น ก้นกบเราเลยกระแทกขอบเวทีจนแตก ก็ยืนเลือดไหลอย่างนั้น แต่เราต้องทำงานจนจบ พองานเสร็จก็ล้มลง ตอนนั้นเราช็อกมาก ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ ต้องมัดตัวไว้กับเตียงพยาบาล ฉีดยาแก้ปวด แล้วเอาเราขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ
ภาพแรกที่เราคิดคือ เค้าต้องมารอรับเราที่กรุงเทพฯ แต่เป็นพ่อมารอรับ ตอนนั้นเขาบอกว่า ต้องติดภารกิจไปแข่งรถตอนเช้า แต่เค้าบอกว่า ไปไม่ได้ เราก็คิดว่า เห้ย แค่ขับรถกระบะมาหาเราไม่ได้เหรอ แล้วเราก็มาถึงตอนเที่ยงคืน ไม่ใช่ตอนเช้า ทำไมมาหาเราไม่ได้ ภาพแรกที่บุ๋มเห็นตอน 6 โมงเช้าคือ พ่อ แม่และน้องมารอเรา คำแรกที่เราถาม แล้วติ๊งโน๊ตล่ะ เค้าบอกไม่เห็น ซึ่งตอนนั้นติ๊งโน๊ตเค้าไม่มาเยี่ยมเราเลยนะ เพราะเค้าติดแข่งรถไง แล้วทีมแข่งรถนั้นก็เป็นทีมที่เราสร้างขึ้นมา พอตอน 7 โมง เค้าโทรมา แม่รับสายบอกว่าเราหลับ จากนั้นมา เค้าก็ตามง้อเรานะ แต่ในใจเราคิดว่าไม่เอาแล้ว เพราะเค้ายังเด็กเกินไปไง ดูแลเราไม่ได้ แต่ติ๊งโน๊ตเค้าเป็นคนดีนะ
หลังจากนั้นพูดได้เต็มปากเลยว่ามีคนเข้ามาจีบตลอดเวลา ยิ่งช่วงที่บุ๋มกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง มีคนมาขอแต่งงานพร้อมกันถึง 13 คน แต่ที่มาจีบอย่างเดียวนี่ 30 กว่าคน เรียกได้ว่าบุ๋มสามารถออกเดตได้ถึงวันละ 4 คน แล้วก็มีทุกอาชีพเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นายตำรวจใหญ่ นักการทูต ผู้ว่าราชการจังหวัด มันเยอะถึงขนาดต้องเอาหมอดูมานั่งดูว่าคู่เราคือคนไหนกันแน่
แต่สำหรับ คุณเอก ที่บุ๋มได้เลือกมาเป็นคู่ชีวิต ไม่ได้มีการเข้ามาจีบกันก่อนเลย ตั้งแต่วันที่เจอกันครั้งแรกเราก็อยู่ด้วยกันเลยตั้งแต่วันนั้น ก็ตกลงได้เสียกันโดยที่ยังไม่รู้ชื่อจริงกันเลยด้วยซ้ำ มารู้ชื่อจริงเอาก็วันแต่งงาน ที่ต้องเขียนป้ายในพิธี จริงๆ แล้วคุณเอกจะมาเป็นเทรนเนอร์ในการออกกำลังกายให้ แต่ยังไม่ทันได้เริ่มเทรนก็กลายมาเป็นสามีซะก่อน แล้วมันก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คุณเอกเค้าเป็นคนที่เจ้าชู้มากๆ ย้อนไปหลังจากเจอกันได้ 4 วัน เอกมาสารภาพว่ากำลังจะแต่งงานในอีก 4 เดือนกับแฟนที่คบกันมา 4 ปี ตอนนั้นตกใจน้ำตาไหล บอกให้เขากลับไปเคลียร์ ต้องไม่ได้เลิกกันเพราะเธอ แต่เขายืนยันไม่ไป และบอกว่าอยากแต่งงานกับบุ๋มมากกว่า โดยเอกขอแต่งงานหลังคบกับบุ๋ม 4 วัน
จากนั้นทางเอกก็กลับไปเคลียร์เรื่องยกเลิกงานแต่ง และพาบุ๋มไปเจอครอบครัว และสุดท้ายก็แต่งงานกันหลังจากเจอกันได้ประมาณ 1 ปี หลังจากแต่งงานก็ควบคุมทุกอย่างเพราะเคยมีประวัติเจ้าชู้มาก่อน ยอมรับเป็นคนขี้หึงและสามีก็เป็นคนขี้หึงเช่นกัน ทุกวันนี้ทุกคนคิดว่ามาเกาะแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เขาดูแลทุกอย่าง และที่สำคัญดูแลน้องอันดามันลูกของบุ๋ม รวมทั้งชีวิตของบุ๋มได้ทุกอย่าง จนถึงตอนนี้ 3 ปี แล้วตอนนี้มีความสุขมาก ส่วนเรื่องที่หลายคนบอกว่าเขามาเกาะบุ๋ม คือบุ๋มยืนยันนะว่า เอกไม่เคยคิดจะมาเกาะกระแสเลย เพราะเค้าไม่ได้ชอบการอยู่ในวงการบันเทิง
สุดท้ายนี้ บุ๋มให้ข้อคิดเรื่องความรักว่า อย่าเอาตัวเราไปเทียบกับคนอื่น อยู่กับปัจจุบันก็พอแล้ว อย่าคบแฟนสักคนเพียงแค่ดูความเหมาะสมทางสังคมเท่านั้น เพราะบางทีก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเสมอไปก็ได้ แต่ให้หาคนที่รักเราจริงๆ ดีกว่า พร้อมทั้งบอกว่าอย่าคิดฆ่าตัวตายเหมือนตน ถ้าตอนนั้นตนฆ่าตัวตายไปแล้วจริงๆ คงจะเสียดายมากๆ
ทีมข่าวบันเทิง นิว 18 ต้องขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทั้งฝ่ายชายและคุณบุ๋ม ขอให้ผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ด้วยดีค่ะ