ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวเป็นการด่วนจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจึงชัตดาวน์ สำหรับสาว "หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ" แต่ไม่วายโดนเมาท์ว่าที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะโดนสามีซ้อม ล่าสุดเจอสาวหนิงเลยสอบถามถึงเรื่องนี้ได้ความว่า
หลายคนห่วงที่โพสต์เรื่องความรัก ?
ที่โพสต์เรื่องความรักที่เกิดขึ้น เมื่อเช้าเพื่อนหนิงก็โทร.หาหลายคนว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือคุณยายจ๋าแม่ชีศันสนีย์ ซึ่งคุณยายได้มอบหนังสือให้หนิงอ่าน ก็รู้สึกว่ามันใช่เนอะ หนิงจะติดแฮชแท็กในโพสต์ในไอจีของหนิงว่าเรื่องราวดีๆ ที่ต้องแชร์ เวลาหนิงมีอะไรที่ดีๆ หนิงก็จะเอามาแชร์ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของเราค่ะ มันเป็นเรื่องในหนังสือค่ะ
คนโยงว่าที่เราป่วยเพราะโดนจินซ้อม ?
คงต้องแยกทีละประเด็นดีกว่า เพราะเดี๋ยวจับหลายๆ ประเด็นผูกกัน สุดท้ายก็จะโยงว่าคือปัญหาครอบครัวเอาเป็นว่าเรื่องที่โพสต์เกี่ยวกับคำคมดีๆ เกี่ยวกับเรื่องความรัก อันนี้บอกเลยว่าไม่ได้เกี่ยวกับครอบครัว เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ท่านแม่ชีศันสนีย์ท่านได้เขียนหนังสือเอง และรวบรวมเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องความรัก ไม่ว่าจะความรักในครอบครัว ความรักระหว่างผู้หญิงผู้ชาย ความรักแม่ลูก ก็เป็นเรื่องราวดีๆ จากหนังสือธรรมะดีๆ ที่อ่านแล้วเข้าใจ แต่ในส่วนของหนิงรู้สึกว่าส่วนไหนที่เอามาแชร์แล้วมันเป็นตัวหนิงก็คือต้องเป็นแนวนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่บอกว่าหนิงเข้าโรงพยาบาลเพราะถูกซ้อม อันนี้ไม่ใช่ค่ะ หนิงก็ไม่รู้ว่าข่าวมาจากที่ไหน ก็ตกใจนิดนึงเหมือนกันว่ามันมาจากไหน เพราะชีวิตคู่ของครอบครัวถ้ามีการใช้ความรุนแรงในเรื่องของการลงไม้ลงมือ หนิงว่าก็ไม่ควรใช้ชีวิตคู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ต้องบอกเลยว่าไม่มีค่ะ
ทาง "จิน" งงกับข่าวนี้ไหม ?
ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับคุณจินเลยค่ะว่ามีเรื่องข่าวซ้อมหรืออะไร อย่างที่บอกว่าเรื่องการใช้ชีวิตคู่ ปัญหาของครอบครัวถ้ามีการใช้ความรุนแรง อันนี้หนิงคงไม่อยู่ค่ะ ต่อให้สตรองแค่ไหนก็อยู่ไม่ได้นะคะ
หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลงว่าเราจับกิ๊กของจินได้ ?
ถ้าในส่วนของกรณีอันนี้ หนิงต้องบอกเลยว่าต้องรอคุณจินเป็นคนตอบ หนิงคงตอบแทนคุณจินไม่ได้ แต่หนิงยืนยันครอบครัวหนิง ณ วันนี้ยังมีความแฮปปี้และยังมีความแข็งแรงดี ซึ่งหนิงไม่สามารถที่จะไปยืนยันแทนคุณจินได้ คือถ้าคุณจินมีโอกาสออกสื่ออันนั้นต้องถามคุณจินค่ะ
นอยด์มั้ยประเด็นนี้มันเริ่มกลับมาอีกแล้ว ?
ถามว่านอยด์มั้ยมันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เป็นธรรมชาติที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิตคู่มากขึ้น แล้วก็เข้าใจความเป็นผู้ชายมากขึ้น
เหมือนปลงเรื่องความรักว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ?
คือจริงๆ ชีวิตเราก็คงไม่ได้ปลงอะไรถึงขนาดนั้น แต่ว่าทุกๆ บทเรียนของชีวิตมันก็ทำให้เกิดการเรียนรู้ในแต่ละวัน อยู่ที่ว่าเราจะมองมุมบวกหรือว่าจะมองมุมลบ เหมือนตอนที่หนิงไม่สบายอยู่โรงพยาบาลมันก็สอนอะไรหลายๆ อย่างให้หนิงได้คิดในเรื่องที่มันเกิดขึ้น
ตอนนี้ชีวิตครอบครัวถือว่าแฮปปี้ใช่ไหม ?
ก็อย่างที่หนิงบอกว่ารายละเอียดเนี่ย ถ้ามีโอกาสเจอคุณจินถามคุณจิน แต่ว่าในส่วนตัวหนิงเองหนิงถือว่าชีวิตครอบครัวหนิงวันนี้ก็ยังเป็นครอบครัวที่มีความสุขและอบอุ่น
"น้องณิริน" ก็โตแล้วพอมีข่าวแบบนี้น้องเข้าใจไหม ?
ณ วันนี้ยังไม่ถึงหูน้องแต่ว่ามันปิดไม่ได้หรอก มันต้องถึงหูเขาในสักวันนึง ซึ่งตรงนี้หนิงไม่ค่อยเป็นห่วง เพราะหนิงเลี้ยงลูกค่อนข้างใกล้ชิด เลี้ยงลูกแบบที่มีอะไรเราพูดคุยกัน แล้วหนิงมีไปพบคุณหมอจิตแพทย์เด็กตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าเราเลี้ยงแบบนี้นะ ตรงนี้หนิงไม่เป็นห่วงเลย หนิงเชื่อว่าณิรินต้องได้ความสตรองจากตัวหนิงไปอย่างน้อยๆ ครึ่งนึงอ่ะค่ะ
ข่าวลือเรื่องมีกิ๊กแล้วหนิงก็โพสต์เรื่องซื่อสัตย์ ?
อย่างที่บอกว่าต้องแยกเป็นประเด็นๆ ไป เพราะว่าถ้าเอาทุกอย่างมารวมกันมันก็ยาก
เหนื่อยไหมเพราะเรายืนหนึ่งมาตลอด แต่ว่าก็มีเรื่องกิ๊กมาตลอดเหมือนกัน ?
ไม่นะคะ อย่างที่บอกว่าทุกๆ เรื่องราวในชีวิตมันคือบทเรียนดีๆ บทเรียนนึงที่มันผ่านเข้ามาแล้วถ้าเราทำความเข้าใจกับมันเราก็สามารถเอาสิ่งเหล่านี้ไปเป็นโยชน์กับคนอื่นได้ เหมือนที่เวลาหนิงอ่านข้อความหรืออะไรแล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์ก็จะโพสต์แล้วติดแฮชแท็กของหนิงว่าเรื่องราวดีๆ ที่ต้องแชร์ มันมีเรื่องราวอะไรมากมายแต่พอมันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักปุ๊ป ทุกคนจะจับตามองว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า
ทุกวันนี้จินยังเป็นสามีที่ดีอยู่ใช่ไหม ?
เขาก็ยังเป็นคนที่ดี ที่น่ารักอยู่ค่ะ
จะมีกลับไปถามพี่จินเรื่องนี้ไหม ?
เดี๋ยวเขาก็คงอ่านว่าเรื่องราวโยงไปถึงเขาแล้ว
หลายคนสงสัยว่าหนิงแกล้งป่วยรึเปล่า พอป่วยเสร็จปุ๊บออกมารับงานเลย ?
มีโพสต์ว่ามีคนถามว่าแกล้งป่วยรึเปล่า อันนี้มันขึ้นอยู่กับดุลพินิจแล้วก็วิจารณญาณของคนๆ นั้น คือในขณะที่คนๆ นึงทุกข์อยู่ ทุกข์ในที่นี้คือไม่สบายอยู่ แล้วถ้าจะไปคอมเม้นต์เขา หรือจะไปคิดแบบนั้นมันก็มองย้อนกลับไปให้เห็นถึงวุฒิภาวะของคนๆ นั้นว่าเป็นแบบไหน ฉะนั้นมันก็ดี ถ้าสมมติแบบว่ามีคนแบบนั้น แล้วคิดแบบนั้นจริงๆ แล้วสมมติเป็นคนที่เรารู้จัก เราก็จะได้รู้ว่าแค่กันคนๆ นั้นให้ห่างออกไปจากตัวเรา แล้วก็ไม่ต้องไปใส่ใจ เพราะเราก็ไม่ให้ค่าสำหรับคนแบบนี้เหมือนกัน คงจะไม่มีใครแบบว่าเสียเงินทีเกือบครึ่งล้าน ในขณะที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล หรือเราต้องเอาใบรับรองแพทย์ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ
ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง ?
ก็อย่างที่เห็น หนิงแข็งแรง 100% ไหม คือทุกคนเห็นหนิงทำงานได้ ทุกคนก็จะบอกว่า หนิงแข็งแรง 100% แต่ถ้าใครที่อยู่ใกล้ๆ หนิงจะรู้ว่ามือไม้หนิงหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็จะมีแบบสั่นๆ เล็กๆ อยู่ หนิงจะยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงได้ไม่นาน แต่ถามว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ใจเราอ่ะมันจะเป็นคนสั่งกาย ถ้าใจเราไม่ป่วย กายเราจะไม่มีวันป่วยเด็ดขาด แต่ถ้าหนิงนอนอยู่บนโรงพยาบาลนั้น หนิงว่าหนิงคงจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าหนิงได้ออกมาทำงาน พลังหนิงมี ที่สำคัญคือหนิงล้มไม่ได้ หนิงมีลูก หนิงมองหน้าลูกแล้วบอก ฉันต้องออกไปทำงาน แล้วงานมันคือความสุขของหนิง ลูกคือความสุขของหนิง ฉะนั้นก็ต้องทำ
ประเมินความแข็งแรงของตัวเองกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ?
ถ้าเทียบจากวันที่ป่วย หนิงว่าสัก 85% แล้วค่ะ เมื่อวานก็ยังไปกายภาพอยู่ค่ะ
ป่วยเป็นอะไร ?
มันเริ่มมาจากไม่ได้นอน 2-3 คืน เพราะทำงานเกี่ยวกับเรื่องบทละครอยู่ คือเราก็หน้ามืดค่ะ พอหน้ามืดเสร็จก็ล้มอ่ะ แต่โชคดีที่เรามีเบาะในห้องนอน รองอยู่บางๆ แต่ถ้าไม่มีเบาะรอง ตรงท้ายทอยคงกระแทกคงเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้มันก็เลยกลายเป็นว่า มันไปเป็นในส่วนที่อยู่ตรงกล้ามเนื้อตรงท้ายทอยค่ะ กล้ามเนื้อเหมือนตกใจ มันช็อคอ่ะ มันไปกดตรงปลายประสาท มันก็เลยทำให้เรามีอาการแขนชา ก็จะเวียนหัวค่ะ ก็พยายามทำอะไรให้ช้าลง
กลัวจะมีผลในระยะยาวด้วยไหม ?
หนิงเชื่อหมอทุกอย่าง หมอให้ทำกายภาพ ให้กินยา ให้ทำอะไร หนิงทำทุกอย่างตามที่หมอบอก เพราะไม่อยากให้ส่งผลในระยะยาว เพราะเรารู้เลยว่าเวลาป่วยแล้วนอนอยู่บนเตียงเป็นอาทิตย์ ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
เรียกว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือปลายประสาทอักเสบ ?
ปลายประสาทอักเสบค่ะ
โพสต์ร่ายของเลือกตั้ง ?
อันนั้นคือไปเห็นจากของคุณทราย เจริญปุระ หนิงเป็นคนหนึ่งที่คิดตามข่าวสารเรื่องการเมืองอยู่พอสมควร เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยอยากให้ประเทศพัฒนาไปในทางที่ดี แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางอย่างก็หยุดพัฒนามานานแล้ว ฉะนั้นเราอยากจะให้สิ่งที่จะเกิดขึ้น ณ วันนี้เดินหน้าต่อไป หนิงเชื่อในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองประเทศไทยอยู่ พอเห็นคุณทรายลงก็เลยบอกให้เขาส่งอินบ๊อกซ์มาให้ด้วย เพราะถึงวันนี้เราก็ยังลุ้นอยู่ ไม่หลับไม่นอน นั่งลุ้นว่าคะแนนใครจะขึ้นอะไรยังไง ในอนาคตถ้ามีโอกาสหนิงพูดเลยว่าวันนึงอยากทำงานการเมือง เพราะเราติดตามเรื่องนี้อยู่
โพสต์บัตรเลือกตั้ง ?
อันนั้นหนิงทำไปเพราะความไม่รู้ แล้วก็มีคนบอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ พอรู้ก็รีบลบทิ้งทันที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหนิงพร้อมยอมรับว่าหนิงผิด ขอโทษด้วย ทำด้วยความไม่รู้จริงๆ
รู้สึกยังไงที่คนสนใจบรรยากาศการเลือกตั้งมากขึ้น ?
หนิงว่าบรรยากาศการเมืองทำให้คนหันมาสนใจเรื่องการเมืองมากขึ้น แต่หลังจากนี้ไม่ใช่แค่การสนใจการเมือง ณ วันนี้ว่าเราต้องออกมาใช้สิทธิ แต่เราต้องสนใจว่าสิทธิที่เราเลือกไป บุคคลที่เรากากบาทให้ เขาได้ทำตามอย่างที่เราเลือกหรือเปล่า ไม่ใช่รอให้จัดตั้งรัฐบาลแล้วรอให้ฝ่ายค้านมาตรวจสอบ เราในฐานะประชาชนก็มีสิทธิเสรีภาพ มีประชาธิปไตย ต้องเป็นคนตรวจสอบ ถ้าประเทศชาติโดนประชาชนตรวจสอบทั้งหมด ยากนะที่จะมีการโกงกินหรือมาทำอะไรที่ไม่ตรงกับคำพูดตัวเองพูด โปรดเลือกพรรคปณิตาค่ะ (หัวเราะ)