"บอย"ควง"อาแมนด้า"เข้าประตูวิวาห์ แพลนมีลูก 2 คน

2019-09-28 17:05:10

"บอย"ควง"อาแมนด้า"เข้าประตูวิวาห์ แพลนมีลูก 2 คน

Advertisement

ควงแขนกันมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวกันเป็นจำนวนมากสำหรับคู่บ่าวสาวระหว่างนักแสดงหนุ่ม “บอย พิษณุ นิ่มสกุล“ และ “อาแมนด้า” โดยวันนี้ได้มีงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ณ สเปกทรัม เลาจน์ แอน บาร์ ชั้น 29 โรงแรม Hyatt Regency สุขุมวิท 13 โดยทั้งคู่ได้เปิดใจถึงเรื่องราวความรักในครั้งนี้ว่า



วันนี้เป็นการจัดพิธีฉลองมงคลสมรสที่ประเทศไทย



บอย : ใช่ครับ จริงๆ เราจัดที่สวีเดนไปแล้วหนึ่งครั้ง ครั้งนี้เหมือนจัดให้กับสังคมเราเนอะ ในกลุ่มเรา เพื่อนๆ คนรู้จัก ญาติผู้ใหญ่ และให้พี่ๆ สื่อมวลชนด้วยครับ ทั้งเขาและผมก็ยังตื่นเต้นอยู่ครับ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ออกสื่อด้วยกัน และต้องมานั่งสัมภาษณ์อะไรแบบนี้ ตอนแรกไม่ตื่นเต้นนะแต่ตอนนี้ก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว เพราะใกล้เวลาเข้ามาแล้ว

เล่าถึงพิธีมงคลสมรสที่ประเทศสวีเดนให้ฟังหน่อย?
บอย : ใช่ครับ เรียบง่ายเพราะส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวของอาแมนด้าที่สวีเดน ซึ่งมีครอบครัวของผมและเพื่อนๆ ไปนิดหน่อย บรรยากาศก็จะอบอุ่นเป็นกันเอง งานก็จะเป็นแบบซิทดินเนอร์ ถึงเวลาก็จะมีพูดความรู้สึกของแต่ละคน ของคุณพ่อคุณแม่เขา ของผม ของแม่ผม หรือของญาติๆ ก็จะเป็นบรรยากาศอบอุ่นแบบง่ายๆ จากนั้นก็เข้าโบสถ์กันครับ




โมเมนต์ที่ให้คำมั่นสัญญากันเป็นอย่างไรบ้าง?
บอย : โมเมนต์นั้นผมต้องยอมรับว่าเป็นโมเมนต์ที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตของผมพอสมควร ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งเราจะได้แต่งงานและมีใครอีกคนหนึ่งเข้ามาเป็นคู่ชีวิต ตอนสวมแหวนและยิ่งอยู่ในโบสถ์ด้วยทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันเงียบเนอะ และอยู่ในพิธีที่ค่อนข้างจะศักดิ์สิทธิ์ ก็รู้สึกตื่นตันเหมือนกันครับตอนที่สวมแหวนน้ำตาไหล คือน้ำตาไหลตอนที่เขาเดินเข้ามา


เราได้ให้คำมั่นสัญญาให้กับเขาว่าไงบ้าง?


บอย : คือมันเป็นคำพูดที่เหมือนจะถามว่า เราจะรับเขาเข้ามาในชีวิตเราไหม เราเคยดูแต่ในหนังเนอะไม่คิดว่าวันหนึ่งคนอย่างผมจะมีภรรยาเป็นต่างชาติ เพราะภาษาอังกฤษผมโคตรแย่เลย แต่พอมาถึงวันนี้มันเป็นจริงเนอะ เราดูแต่ในหนังที่เขาอยู่ในพิธีแต่งงานในโบสถ์ แต่พอถึงวันหนึ่งที่เป็นของเรา เราก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ นิดหนึ่ง แต่ก็ประทับใจครับ
อาแมนด้า : รู้สึกดีมากค่ะ ที่มีโอกาสได้กลับไปแต่งงานที่บ้านเกิด



ใช้ชีวิตในฐานะสามีภรรยามา 3-4 เดือนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
บอย : ก็ดีนะครับ จริงๆแล้วผมก็ว่าการเป็นสามีภรรยามันก็ดี เราก็ต้องห่วงคนที่อยู่ข้างกายเรามากขึ้น แล้วอะไรที่เรารู้สึกสนุกสนานลั๊ลลาเกินไปก็หายไป แล้วก็ไม่ได้มีความต้องการหรือว่าอะไร แต่จริงๆเป็นคนชอบอยู่บ้านอยู่แล้วด้วย เป็นคนชอบกลับบ้านอยู่แล้ว ไม่ชอบไปลั๊ลลาที่ไหน เสร็จงานก็กลับบ้านใช้ชีวิตกันปกติ ทำกับข้าวทานกัน ตื่นเช้าเราก็ไปทำงาน เขาก็อยู่บ้าน



ชีวิตเปลี่ยนไปไหม?
บอย : มันก็เปลี่ยนนิดนึงนะ แต่ผมไม่รู้ว่าที่มันเปลี่ยนมันเปลี่ยนเพราะว่าเราแต่งงานกันหรือว่าเปลี่ยนเพราะผมอายุ 40 เพราะผมก็มีความรู้สึกว่าวัย 30 กับวัย 40 เราเคยผ่านมา มันก็โคตรแตกต่างเลย ความรู้สึกถึงคิดทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป ยิ่งวันที่มีครอบครัวมันอาจจะถึงเวลาแล้ว ก็ถือว่าเป็นชีวิตแต่งงาน 3-4 เดือนที่มีความสุขดี

ตัวอาแมนด้าต้องย้ายกลับมาอยู่ไทยไหม หรือบินไปบินกลับ?
บอย : ก็ตอนนี้เขาก็บินไปบินมาไปหาครอบครัวเขานะครับ แต่หลักๆจะอยู่เมืองไทยครับ

ตอนเป็นแฟนกับตอนเป็นสามีภรรยามันแตกต่างอย่างไร?


บอย : มันแตกต่างพอสมควรเลย ก็คือเป็นแฟนเราจะดูแลกันมากหน่อย พอเป็นสามีภรรยาเราก็ดูแลกันน้อยลง (หัวเราะ) พูดเล่น ไม่แตกต่างนะ เพราะยังไงถ้าเรายังเหมือนเดิมอยู่ ความรู้สึกมันก็ยังเหมือนเดิม ที่แบบไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไรมันมากให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ก็จะมีปัญหาเรื่องงานพูดคุยกันหน่อยหนึ่ง อย่างที่บอกผมก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาก แต่ก็เข้าใจเขาค่อนข้างเยอะพอสมควร ถ้าไม่งั้นก็จะไม่แต่งงานกับเขา แต่ก็มีบางโมเมนต์ที่แบบว่าอยากอธิบายมากเลย มันติดตรงปากแต่มันอธิบายไม่ได้ มันจะทำยังไงดี เดินหนีแล้วกัน(หัวเราะ)

เวลาที่ทะเลาะกันหรือไม่เข้าใจกันทำอย่างไร?
บอย : ก็นี่แหละก็จะเป็นการอธิบายใช้เหตุผลมากกว่า เขาเป็นคนค่อนข้างมีเหตุผลเยอะมาก เยอะจนบางทีเราก็งง (หัวเราะ)

ภาษาเป็นอุปสรรคสำหรับคู่เราเยอะไหม?
บอย : ผมว่าไม่เยอะมากครับ เป็นส่วนหนึ่งเล็กๆเท่านั้นเอง ที่เราจะแบบติดเรื่องของการอธิบายเท่านั้นเอง

เราต้องไปเข้าครอสภาษาไหม?
บอย : เข้าครอสอยู่
อาแมนด้า : ตอนนี้ฉันกำลังเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อที่จะพูดภาษาไทย และฉันก็กำลังเรียนรู้ที่จะอ่านและะขียนภาษาไทยด้วย



ประทับใจอะไรในตัวเขา?
บอย : เหตุผลหลักๆเลยคือเขาเป็นคนรักครอบครัว เขาให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวค่อนข้างเยอะพอสมควร เขารักเรา รักครอบครัวเรา เขาเป็นคนรักสัตว์ ค่อนข้างมีจิตใจดี ที่สำคัญเขาเป็นคนค่อนข้างมีเหตุผล หลายครั้งที่เรามีปัญหากัน พอเราตัดสินใจที่จะคุยกันว่าปัญหาเกิดจากอะไร มันคือการใช้เหตุผลคุยกันมากกว่าใช้ความรู้สึกตัดสิน ส่วนใหญ่คนเราจะใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาแล้วมันไม่เคลียร์ สุดท้ายปัญหานั้นก็จะกลับมาในชีวิตอีก ถ้าเราทะลาะกันโดยไร้เหตุผล อาแมนด้าเขาจะเป็นคนถ้าเขาไม่พอใจหรือติดใจอะไรเขาก็จะถามก่อนจะเคลียร์ให้จบตรงนั้นเลย ไม่เก็บสะสมหรือเอามาพูดอีก จุดนี้เป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าเคลียร์ดี น่าจะไปด้วยกันได้ดี

คิดว่าบอยคือเนื้อคู่ของคุณไหม?
อาแมนด้า : ใช่ค่ะ เขาเป็นคนที่จิตใจดีที่สุดในชีวิตคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จัก เขาเป็นคนใส่ใจคนรอบข้าง ให้เกียรติทุกคน เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก
บอย : น้ำตาจะไหล (หัวเราะ) เอาจริงๆเขาก็พูดหวานๆ บ้าง แต่ไม่ได้พูดบ่อย ถ้าไม่มีใครถามก็ไม่พูด แต่ก็จะบอกเรื่อยๆ บอกเลิฟยูก่อนจะวางสายโทรศัพท์หรือก่อนจะออกจากบ้าน

เรื่องทายาทวางแผนไว้อย่างไรบ้าง?
บอย : เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ผมต้องอธิบายให้เขาฟังว่าวัฒนธรรมของเราแตกต่างกัน ของเขาจะรู้สึกว่าเรื่องลูกเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าคนไทยคือความรู้สึกใส่ใจกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันว่าจะมีลูกเมื่อไหร่ ผมก็อธิบายให้เขาฟังว่าเราใส่ใจกันนะ ถึงได้ถามสารทุกข์สุขดิบว่ามีลูกเมื่อไหร่ จริงๆตอนนี้ก็พยายามเลยก่อนหน้านั้นเคยไปเช็คสเปิร์มบอกตัวเองว่ามันยังโอเคอยู่หรือเปล่า 40แล้วนะ ได้หรือเปล่า(หัวเราะ) ก็ยังได้อยู่ ก็ลองไปเรื่อยๆลองธรรมชาติไปเรื่อยๆ ผมอยากเสกเข้าท้องตอนนี้เลยแต่มันไม่ได้ ก็ต้องธรรมชาติไป(หัวเราะ)

จะใช้ชีวิตคู่อยู่ที่ไทยส่วนใหญ่หรือเปล่า?
บอย : อยู่ที่ไทยครับ เขาก็บินไปบินมาครอบครัวเขาอยู่ที่โน่นด้วยปีนึงกลับสวีเดน 2-3 ครั้ง



ตั้งเป้ามีลูกกี่คน?
บอย : จริงๆผมคิดว่าหนึ่งแต่เขาบอกว่าสอง เพราะผมคิดว่าดับเบิ้ลค่าใช้จ่ายคูณสอง ตายๆ งาน 3,000 - 5,000 ก็ต้องรับแล้ว เขาบอก 2 คนดีกว่า เขาจะได้เป็นเพื่อนกัน ส่วนใหญ่คนสวีดิชครอบครัวหนึ่งจะมีลูกสองคนไว้ให้เป็นเพื่อนกัน ผมว่ามันก็ดี ถ้าได้สองคนก็โอเค ชายคนหญิงคน วันหนึ่งเขาโตแล้วมีอะไรไม่บอกเรา จะได้ไปแอบถามอีกคนได้

อาแมนด้าถ้ามีลูกชายคนหญิงคนโอเคไหม?

อาแมนด้า : ฉันโอเคหมดขอให้ลูกแข็งแรง แต่ฉันมีพี่น้องผู้หญิง 2 คน และฉันก็รักพวกเขามาก เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีพี่น้องโตไปด้วยกัน เลยอยากมีลูกซักสองคน

อาแมนด้าพร้อมจะเป็นแม่หรือยัง?
อาแมนด้า : พร้อมค่ะ เมื่อถึงเวลาก็คิดว่าน่าจะมีลูก1หรือ2คน

ไปฮันนีมูนมาหรือยัง?
บอย : ไปมาแล้วครับ ไปฮาวายมา แต่ไม่ได้น้องฮาวายกลับมา น้องไฮแอท รีเจนซี่นี่ล่ะ (หัวเราะ)



ไปฮันนีมูนเรื่อยๆเปลี่ยนบรรยากาศไหม?
บอย : ก็บอกว่าพยายามไปเรื่อยๆ ก็ต้องลองดูไป ก็พยายามอยากให้ได้เร็วที่สุดเพราะตัวผมก็ 41 แล้ว อาแมนด้าเขา 32 เขายังมีโอกาส ตอนแรกเขาแพลน 35 โอ้โหช่วยดูลุงด้วย ตอนนั้นเราก็ 45 ตอนนั้นถ้าลูกเดิน เราคงคลานแล้ว ก็จะพยายามให้เร็วที่สุด

ถ้าปีนี้ลูกยังไม่มาจะพึ่งการแพทย์ไหม?
บอย : ตอนแรก ที่คุยกับอาแมนด้าผมอยากพึ่งการแพทย์เลย แต่อาแมนด้าไม่อยากกดดันตัวเอง เลยขอธรรมชาติไปก่อนซัก 3-4 เดือน ค่อยลองไปหาหมอ ช้าสุดไปหาหมอน่าจะปีหน้าครับ