“น้องไบรท์” ร้องไห้บอกเห็นใจ เสียใจ เสียดาย “สรยุทธ”ติดคุก เผยสิ่งที่ “พี่ยุทธ”เจ็บปวดมาตลอดช่วงเวลาการต่อสู้คือถูกกล่าวหาว่าไปเบียดบังเวลาของ อสมท
จากกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 ในฐานะโจทก์ ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) บริษัท ไร่ส้ม จำกัด นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัท ไร่ส้ม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1- 4 คดีหมายเลขดำ อ.313/2558 เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2558 ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน , เป็นพนักงาน ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร , เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ โดยศาลฎีกาพิพากษา ยื่นตามศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก นางพิชชาภา 20 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงปรับลดโทษ เหลือ จำคุก 12 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 บริษัท ไร่ส้ม จากปรับเป็นจำนวนเงิน 80,000 บาท ลดลง เหลือจำนวน 72,000 บาท และสั่งจำคุก นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา จากคนละ 13 ปี 4 เดือน เป็นคนละ 6 ปี 24 เดือน เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อศาล ภายหลังจากศาลได้อ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ สีหน้าของจำเลยทั้งหมด อยู่ในอาการเคร่งเครียด ทั้งนี้ ศาล ให้เหตุผลว่า จำเลยที่ 3 เป็นสื่อมวลชนอาวุโส กลับใช้โอกาสและช่องโหว่ทางกฎหมายหาประโยชน์ จึงไม่เหตุอันสมครที่จะให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษ
โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ศาลจะนำตัวผู้ต้องโทษ ไปควบคุมที่ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังประจำศาล ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ราชฑัณฑ์เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มารับตัวต่อไป
ขณะที่ น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ หรือ “น้องไบรท์” ให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆ ก็ให้กำลังใจพี่ยุทธมาโดยตลอดในช่วงเวลาการต่อสู่ ไม่ใช่ไบรท์คนเดียวแต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ถ้าถามความรู้สึกแน่นอน พวกเรารู้สึกเสียใจและตัวพี่ยุทธเองก็คงรู้สึกเสียใจมากเช่นกัน เห็นใจพี่ยุทธมาก พี่ยุทธพยายามที่จะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เคยมีพฤติกรรมที่จะไปเบียดบังเวลาของ อสมท อย่างที่เข้าใจ
“สิ่งที่พี่ยุทธพยายามจะต่อสู้ก็คือ ในข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่ายทั้งไร่ส้ม และ อสมท ต่างฝ่ายต่างก็มีโฆษณาเกิน สิ่งที่พี่ยุทธเจ็บปวดมาตลอดช่วงเวลาการต่อสู้ที่ผ่านมาคือ การถูกกล่าวหาว่าไปเบียดบังเวลาของ อสมท พี่ยุทธต่อสู้ว่า คือในรายการโฆษณามี 10 นาท ไร่ส้มมี 5 นาที อสมท มี 5 นาที มันไม่ใช่ลักษณะ อสมท ขายโฆษณาได้ 2 นาที แล้วไร่ส้มไปเอาอีก 3 นาทีที่เหลือของ อสมท มาใช้ แต่เป็นลักษณะที่ อสมท ก็ขายโฆษณาเกิน 5 นาทีมาโดยตลอด โดยโฆษณาที่เกินมาในส่วนของไร่ส้มคิดเป็นตัวเลข 138 ล้านบาท ขณะที่ อสมท ถ้าไบรท์จำตัวเลขไม่ผิดอยู่ที่ 237 ล้านบาท” “น้องไบรท์” กล่าว
“น้องไบรท์” กล่าวอีกว่า อีกประเด็นที่รู้สึกสงสารพี่ยุทธมากคือ แกพยายามต่อสู้ว่าโฆษณาเกินที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เป็นการปกปิด มันมีการส่งคิวโฆษณาอย่างเปิดเผย และมีการเกินต่อเนื่อง 500 กว่าวัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปกปิด และผู้บริหาร อสมท จะไม่ทราบ หรือ เจ้าหน้าที่ธุรการคนเดียวจะปกปิดได้ พี่ยุทธพยายามจะต่อสู้ในประเด็นนี้
“น้องไบรท์” ระบุด้วยว่า ส่วนประเด็นเช็ค 6 ฉบับที่สั่งจ่ายออกไป ตามที่พี่ยุทธชี้แจง คือ จำนวนเงินไม่ได้สัมพันธ์กับเวลาโฆษณาที่เกิน และเป็นการจ่ายแบบหักภาษี ณ ที่จ่าย คือ จ่ายแบบมีเศษสตางค์ พี่ยุทธก็พยายามต่อสู้ว่าถ้าจะทุจริตจริง ๆ เราจะทำแบบนี้ทำไม พี่ยุทธพยายามชี้แจงต่อศาลว่าเป็นการจ่ายค่าช่วยประสานงานด้านการตลาด ไม่เกี่ยวอะไรกับการปกปิดเลย
“ถ้าถามในแง่การเป็นคนร่วมงาน คนใกล้ชิด ไบรท์รู้สึกเห็นใจ เสียใจ แล้วก็รู้สึกเสียดาย คือ พี่ยุทธเป็นคนตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตัวเอง และต่อคนดู ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่ยุทธสอนเรามาตลอด พี่ยุทธรักงานข่าว รักอาชีพนี้มาก ดังนั้นถ้าหากว่าพวกเราจะได้เห็นน้ำตาของพี่ยุทธ คือ ทุกครั้งที่พี่ยุทธพูดว่าพี่ต้องหยุดการทำงานไป เพราะการทำงานคือชีวิตของพี่ยุทธ บางครั้งประโยคที่พวกเราได้ยินกันบ่อย ๆ น้องรู้ไหมพี่ไม่อยากเปิดทีวีเลย เพราะพี่ไม่อยากเห็นรายการที่ตัวเองเคยทำ แต่พี่ยุทธก็พูดกับไบรท์ไว้ว่าเมื่อเราต่อสู้เต็มที่ ศาลตัดสินแล้ว เราก็ต้องอยู่ในกฎกติกา และพี่ยุทธยืนยันตลอดคือพี่ยุทธไม่เคยจะหนี ดังนั้นวันนี้พี่ยุทธก็แสดงให้เห็นว่าแกก็ทำอย่างที่เคยพูดเอาไว้”น้องไบรท์ กล่าวทั้งน้ำตา